ทำกิจกรรมเยอะมาก เรียกว่าเที่ยวตลอด |
ก่อนจะหาว่าผมประสาทแดกอะไรกับทีวี อ่าน เด็กกับทีวี ก่อนครับ
เล่นๆๆๆๆๆ |
2. ไม่ติดรีโมท - คนดูทีวีจะติดรีโมท ชอบหาไม่เจอ ผมก็เหมือนกัน ตอนนี้ไม่ติดละ ไม่ต้องใช้มัน ยิ่งสมัยนี้ไปบ้านญาติ พบว่ามีรีโมทเพิ่มขึ้นหลายอัน ทั้งรีโมททีวี รีโมทกล่องต่างๆ กดๆๆๆ โอยวุ่นวายน่าดูนะ
3. มีเวลามากขึ้น - อันนี้ยืนยันนอนยันได้เลย ถ้าใครบอกไม่มีเวลา ลองเอาทีวีออกไปจากบ้านดู เวลาคุณจะงอกมาเลย เหลือเวลาให้ไปทำอะไรๆเยอะ
4. ลูกจะกวนมากกว่าเดิม - ใช่แล้ว ก็เพราะไม่มีทีวีคอยสะกดจิต เขาก็จะอยากเล่น ลูกสองค่อยยังชั่วเพราะเล่นกันเองบ้าง ถ้าลูกคนเดียวพ่อแม่ก็ต้องเสียสละหน่อย คิดในแง่ดี เขาอยู่กับเราวัยเด็กไม่นาน เดี๋ยวโตก็ไม่อยากเล่นกับพ่อแม่แล้ว
5. คุยกับคนไม่รู้เรื่อง - เวลาเขาพูดเรื่องละครกันนะ เราก็จะงงๆ เหนือเมฆอะไรแว้ กุไม่รู้จัก ดีครับ ไม่เห็นจะตาย ไม่รู้สึกอายนะครับ มีคนถามว่าไม่กลัวลูกคุยกับเพื่อนไม่รู้เรื่องหรอเพราะไม่ได้ดูทีวี ผมตอบว่าไม่กลัว ที่กลัวว่าจะคุยไม่รู้เรื่องคือไอ่เด็กที่พ่อแม่ให้ดูทีวีทั้งวันมากกว่า สมงสมองฝ่อหมด
6. ไม่อยากผิวขาว และไม่อยากกินชาเขียว - สาบานได้ทุกครั้งที่ได้ดูทีวี (บางทีก็ไปบ้านคนอื่น) โฆษณามันก็วนเวียนอยู่กับครีมผิวขาว ไม่ต้องแปลกใจว่าทำไมผู้ชายไทยชอบสาวผิวขาว และสาวๆก็อยากผิวขาว เพราะเชื่อว่าขาวแล้วจะสวย คนจะชอบ ก็โฆษณากันมาแบบนี้กี่ปีแล้ว ทั้งที่ความจริงแล้ว ผิวแบบไหนๆก็สวยทั้งนั้น อย่าบ้ากันไปหน่อยเลย ไอ่ชาเขียวนี่ก็อีก จะกินกันจนท้องแตกตายเลยหรือไงฟะ ส่งฝาลุ้นโชคกันไม่จบสิ้น การตลาดบ้าๆบอๆทื่อๆหวังรวยทางลัด ยังใช้ได้เสมอกับเมืองไทย
7. ประหยัดค่าไฟ - ชัวร์สิครับ ไม่เปิดก็ต้องประหยัดอยู่แล้ว ไปเปลืองค่าแอร์แทน เพราะเด็กๆพอเล่นมากๆมันจะร้อนและมาขอเปิดแอร์ห้องนอนเล่นกันต่อ เอาเลยลูก ลุย
8. ประหยัดค่าทีวี/อัพเกรดทีวี - ไปเดินตามห้างขายเครื่องใช้ไฟฟ้า พบว่าทีวีแบบอ้วนไม่มีแล้วนะ มีแต่แบบผอมบางแบน เท่านั้นยังไม่พอ มีแบบสามมิติด้วย โว้วว อะไรจะขนาดนั้น แพงเหมือนกันนะถ้าแบบล่าสุด ภาพก็ชัดสวยดี ถ้าซื้อผมจะเอาแบบใหญ่ๆเลย ชอบดูหนัง แต่รอเวลาก่อน ให้ลูกโตก่อนนะ สรุปคือ ห้าปีมานี้น่าจะประหยัดไปได้หลายหมื่นบาทอยู่ เอามาซื้อของเล่นให้ลูก เอามาทำอะไรได้อีกได้เยอะ
9. ลูกพูดเก่งขึ้น - เพราะไม่ต้องนั่งนิ่งใช้ตาดูอย่างเดียว ต้องใช้หู ปาก มือ เท้า ในการเล่น การวิ่ง การร้องขอสิ่งต่างๆ ที่สำคัญ เขาไม่ได้พูดเก่งแบบเด็กดูทีวี เรียกว่าพูดได้สมวัยเด็ก เจื้อยแจ้วเลยทีเดียว
10. พัฒนาการของลูกดีขึ้น - เมื่อเทียบกับเด็กที่ดูทีวี พบว่าเด็กที่ไม่ดูทีวีมีแนวโน้มสื่อสารได้คล่องแคล่ว มั่นใจ กล้ามเนื้อมัดเล็กใหญ่ถูกใช้งาน มีสมาธิดีกว่า ไม่ก้าวร้าวเล่นชกต่อยรุนแรง แต่จะรู้จักเล่นอะไรที่สร้างสรรค์ รู้จักใช้จินตนาการ
นับไปมา ก็ครบสิบข้อแล้ว มั่วบ้างแถบ้างแต่ก็เป็นความจริงนะ ว่าที่จริงผมไม่ได้แอนตี้สื่อเลย มันเป็นอาชีพของผมด้วยซ้ำ ผมมีทีมงานที่ถ่ายทำวีดีโอ ออนไลน์บนเน็ต มี Channel on Youtube ด้วย และโดยส่วนตัวผมเป็นคนชอบดูหนังมาก เรียกว่าดูเป็นชีวิตเลย แต่ต้องดูโรงนะ ไม่ค่อยชอบดูจอคอม ทั้งเรื่องการตลาด การโฆษณา ก็ล้วนเป็นอาชีพผมทั้งสิ้น
ในแนวทางการศึกษาวอลดอร์ฟ เราจะให้เด็กได้เริ่มใช้สื่อ หรือเริ่มดูทีวีเมื่อเข้าสู่เกรด 7 หรือประมาณ ม. 1 คือเมื่อเขาเริ่มเข้าสู่วัยรุ่น เริ่มตัดสินใจด้วยตัวเองได้ ผมเชื่อมั่นในแนวทางนี้และเมื่อทดลองทำก็เห็นว่ามีประโยชน์กับลูกมาก
ความฝันผมคือ อยากมีห้อง home Theater แบบสุดเจ๋งทั้งภาพและเสียง จะนอนดูหนังทุกวัน ซึ่งผมทำแน่นอนเพียงแค่รอเวลาลูกเติบโตในวัยที่เหมาะสม และเราจะนั่งดูไปพร้อมๆกัน
ตอนนี้ยังเด็ก เล่นดินเล่นหินไปก่อนนะลูก |