บันทึกไว้ในวัย 34 ปีของพ่อบ้านโก

พี่ชายเจ๊ถ่ายให้ ย้ำว่าพวกเรานั้นยังละอ่อน

เขียนถึงเรื่องต่างๆไปเยอะ ลองนึกถึงตัวเอง อยากจดบันทึกไว้ว่าในวันนี้ที่อายุเท่านี้ เราให้ความสำคัญกับอะไร เราสนใจสิ่งไหนอยู่ เมื่อวันผ่านไปย้อนกลับมาดูจะได้มองเห็นเราเองในอดีต

1. ลูกและครอบครัว - ลูกผมน่าจะเป็นเด็กที่ได้อยู่กับพ่อแม่มากที่สุดก็ว่าได้ ส่วนคุณภรรยากับผมนั้นแทบจะตัวติดกันอยู่แล้ว หน้าก็ดันเหมือนกันอีก ไปที่ไหนๆคนไม่นึกว่าเป็นแฟนกัน มักคิดว่าเป็นพี่น้องกัน ก็ดีเหมือนกัน ส่วนลูกๆผมก็บอกเขาว่าเป็นหลานครับ พี่ชายฝากเลี้ยงช่วงปิดเทอม ฮ่าๆ

ผมเชื่อเรื่องการใช้เวลาอย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะกับสิ่งที่จำเป็นและสำคัญ เรื่องลูกเมียครอบครัวต้องมาอันดับหนึ่ง มันก็ไม่ได้ยากนะ คนเรามันง่าย ถ้าอยากจะมีความสุขกับสิ่งที่มี แต่มันจะยากถ้าไปอยากได้อยากมีในสิ่งที่ตัวเองไม่มี ผมเชื่อว่าที่เรามีนั้นดีสุดแล้ว และต้องดูแลให้ดีที่สุดด้วย

2. งานออฟฟิศ - เหมือนผมจะไม่ค่อยทำงานอะไร แต่ที่จริงผมคิดเรื่องงานตลอดเวลา ผมมักจะตื่นแต่เช้าตรู่เพื่่อมานั่งทำงาน ตอบเมล สั่งงาน คิดงาน เขียนบทความ ปรับปรุงเว็บ คือทำก่อนที่ลูกเมียจะตื่น เพื่อเมื่อเขาตื่นมาผมจะได้มีเวลากินข้าว เล่น ใช้เวลากับพวกเขาโดยไม่กังวลเรื่องงานมากนัก

ผมเคยคิดเล่นๆว่าจะนิยามตัวเองว่ามีอาชีพอะไรดี ก็ได้ตามนี้ Blogger, Webmaster, Columnist, Managing Director, Investor, Lawyer, Agriculture!! เตอร์ๆเยอะไปหมด

งานในตอนนี้ก็โอเค มีการมอบหมายงานให้รับผิดชอบเป็นลำดับไป จากเดิมที่ผมเอาตัวเองเป็นศูนย์กลางตลอด ตอนนี้เริ่มย้ายออกไปจากตัวเองบ้างแล้ว แต่ก็ยังเป็นห่วงติดตามอย่างใกล้ชิด  ลูกน้องคนไหนมักง่ายบอกได้เลยว่า ซวยแล้ว รับไม่ได้ครับไม่ให้ผ่าน

จากรูปจะเห็นว่าตั้งเวลาหาข้อมูลเตรียมเรื่องแคนาดา และฝึกภาษาทุกวัน

3. เป้าหมายไปอยู่แคนาดา - ผมตั้งตารางของตัวเองทุกวัน ให้เตือนว่า ต้องเตรียมข้อมูลเรื่องแคนาดาและฝึกภาษาทุกวัน อาจมีงานอื่นแทรก แต่สิ่งนี้จะขาดไม่ได้จนกว่าเป้าหมายจะสำเร็จ

คอมเครื่องเดิมเมื่อก่อนใช้หาเงินซื้อบ้าน ตอนนี้เอามาใช้ฝึกภาษา

ระหว่างนี้ก็สอบทุกวันแบบ online โดยเน้นไปที่ Listening Skill เป็นสำคัญ เพราะต้องการคะแนนส่วนนี้มากที่สุด วันก่อนเพิ่งซ่อมคอมเก่าที่ทิ้งให้ลูกเป็นของเล่นไปแล้ว คืนชีพมาไว้ฟัง BBC เวลาทำอะไรอยู่ข้างล่าง (ปกติห้องทำงานอยู่ข้างบน) ตั้งใจให้ลูกเมียซึมซับไปด้วย เมื่อไปที่นั่นจะได้ไม่ต้องลำบากเรื่องสื่อสารมาก

4. ปลูกต้นไม้ พืชผัก - อันนี้คิดมานานแล้วแต่เพิ่งได้มาลงมือทำไม่นานนี้เอง ผมมาคิดได้ว่า ผมชอบการลงทุนที่ให้ผลตอบแทน การที่เราปลูกพืชผักก็ให้ผลตอบแทนเหมือนกันแล้วทำไมเราไม่ทำ คนอาจคิดว่าคนที่ปลูกผักกินต้องยากจนไม่มีจะกินเท่านั้น ผมคิดว่าไม่ กลับกันเลยต่างหาก ในยุคต่อไป คนที่ซื้อกินจะเป็นคนที่ยากจน คนที่มั่งมีคือคนที่แทบไม่ต้องซื้ออะไร ที่ผมหัดทำก็แค่แปลงเล็กๆหลังบ้านและข้างบ้าน เพื่อเมื่อมีแปลงใหญ่ผมจะได้จัดการมันได้ถูก

อยากกินอะไร ซื้อเม็ดมาปลูกเลย ในรูปคือแตงกวา

เปเปอร์มินท์ ชงเป็นน้ำชา บำุรงท้องไส้ดีนะเออ
5. การลงทุน - ผมสนใจหลักการของวอร์เรน และวิธีการของปีเตอร์ ลินช์ รวมทั้งแนวคิดของ ดร.นิเวศน์ ที่เก็บออมในหุ้นจนเงินทวีคูณไปอีกหลายหลัก สำหรับผมมันเป็นเรื่องสนุกในเกมการจัดการเงินออม เป้าหมายคือทำให้มันงอกเงยเพื่ออิสระภาพทางการเงินโดยไม่ต้องรอถึงวัยเกษียร ในเวลานี้ผมลงทุนใน หุ้น กองทุนหุ้นส่วนตัว(ร่วมกับพี่ที่สนิทกัน) กองทุนหุ้นของธนาคาร ปล่อยกู้ให้แม่ตัวเอง รวมทั้งผ่อนบ้าน ผ่อนรถ ถ้าจะนับมันเป็นการลงทุนนะ แต่ผมไม่คิดจะนับมันหรอก แต่มันก็ขายได้เงินถ้านับก็ไม่ผิด ทั้งหมดนั้นลงไปอย่างละนิดละหน่อย

การซื้อหุ้นของผมจะดูที่กิจการเป็นหลัก คือซื้อเหมือนเข้าไปเป็นหุ้นส่วนกิจการนั้นๆเลย ไม่ได้ดูราคามากนักเพียงแค่ต้องใจเย็นรอเวลามันลดกระหน่ำแล้วค่อยเข้าไปซื้อ ไม่เน้นถือหุ้นมากตัวเกินไป ปวดหัวและรู้สึกไม่จดจ่อเหมือนยิงปืนหลายๆนัด ไม่ชอบ ชอบยิงนัดสองนัดพอละ อ้อ ถ้าจะให้ดีเลือกหุ้นที่มีปันผลสม่ำเสมอ ระหว่างทางจะได้ชื่นใจไม่เหนื่อยจนท้อไปซะก่อน

บ้านมีสองหลัง เพิ่งขายไปหนึ่งหลัง เอาเงินมาใช้จ่าย อาจเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาดสำหรับบางคน แต่ผมจะไปอยู่เมืองนอกแล้ว จะมีบ้านหลายหลังไปทำไม ว่าแล้วก็เลยขายซะเลย รถมีสองคันขายไปเหลือคันเดียวเหมือนกัน ยังไงบ้านผมจะไปไหนก็หอบกันไปหมดอยู่แล้ว ปัญหาตอนนี้คือ รถที่มีมันเริ่มจะเล็กไปหน่อยเท่านั้นเอง

อ้อ และเรื่องเงินผมไม่คิดจะให้มรดกลูกเลยนะ ผมจะใช้เอง พ่อแม่ผมก็ไม่ได้มีอะไรให้ผมเหมือนกัน ที่ท่านและผมจะให้ลูกได้คือ การศึกษา ความรัก ความเป็นคนที่ดีของสังคม ที่เหลือลูกต้องไปหาเองนะครับ พ่อกับแม่จะไปเที่ยวละ

6. การท่องเที่ยว - ครอบครัวผมเที่ยวบ่อยครับ บ่อยจริงๆ จนบางวันลูกบอกดีใจจังเลยวันนี้ได้อยู่บ้าน การเที่ยวคืออาชีพของผมครับ เป็นอาชีพในฝันของหลายคน คนอื่นเขาเที่ยวเสียเงิน ผมเที่ยวได้เงิน ได้เนื้อหา ได้ข้อคิด ได้ประสบการณ์ สนุกมั่ง แย่มั่ง ก็ตามประสาการออกไปผจญภัยในโลกกว้าง

เที่ยวกับลูกๆได้ทุกที่ ปกติก็ไปใกล้ๆ นอนรีสอร์ท นอนบ้านเพื่อนบ้าง ถ้าเด็กปิดเทอมก็ไปยาวหน่อย นั่งเครื่องไป กทม. ไปภูเก็ต นอนโรงแรมริมทะเล เล่นน้ำทั้งวันทั้งคืน เอาให้ดำกันไปข้าง ไม่ได้กลัวลูกไม่ขาวนะ แต่กลัวลูกไม่ดำ ถ้าใครจะไม่ชอบลูกเพราะลูกไม่ขาวใสเหมือนคนอื่น ก็ปล่อยเขาไป คนนั้นไม่มีค่าพอกับลูกของพ่อ เขาเห็นแต่สิ่งเปลือกนอก นั่นแหละคนสมัยนี้ ซึ่งผมกับลูกไม่ต้องการเป็นอย่างเขาเหล่านั้น

เที่ยวให้เยอะครับ ลุยๆๆๆ ได้เที่ยวในวันที่มีแรงเดิน ดีกว่าต้องไปในวันนั่งรถเข็น กินอะไรวันนั้นก็ไม่อร่อยแล้ว กินวันนี้สิ ลิ้นยังดีอยู่อะไรก็อร่อย!

ก่อนจบวันนี้ ผมเล่น อินสตาแกรม กับเขาอยู่เหมือนกันนะ และพอมาดูหน้าโปรไฟล์ของตัวเอง ก็พบว่าสิ่งที่ผมสนใจจริงๆนั้นมีไม่กี่เรื่องเท่านั้นเอง ดูแล้วก็ตลก นี่มันเกษตรกรสมัคเล่นภาคเหนือเลี้ยงลูกชัดๆ!!

IG เกษตรกรภาคเหนือ

5 itong2go: April 2013 พี่ชายเจ๊ถ่ายให้ ย้ำว่าพวกเรานั้นยังละอ่อน เขียนถึงเรื่องต่างๆไปเยอะ ลองนึกถึงตัวเอง อยากจดบันทึกไว้ว่าในวันนี้ที่อายุเท่านี้ เราให้คว...

เพื่อนผมนอนนิ่งมาปีกว่าแล้ว

Get well soon, my friend..


พาลูกไปเยี่ยมเพื่อนมา เพื่อนชื่อ ติ่ง เป็นเพื่อนตั้งแต่สมัยเรียน ปวช. ไปต่อลาดกระบังก็อยู่ด้วยกัน ทำงานใหม่ๆก็ทำที่เดียวกัน อยู่บ้านเช่าหลังเดียวกัน หลังจากนั้นผมได้งานที่กระทรวงยุติธรรม ก็ลาออกแล้วก็ไม่ค่อยได้เจอกันบ่อยนัก

ติ่งเป็นคนสันโดษ ขลุกอยู่ในห้องได้ทั้งวัน ผมมักชวนติ่งกินเบียร์ ติ่งก็มักจะนั่งไม่นานแล้วก็ขอตัวเข้าห้องไป ติ่งเป็นคนขยัน มีระเบียบ ข้าวของในห้องถูกจัดวางเป็นที่เป็นทาง (ผมไม่ได้เข้าไป แต่แอบเหลือบดู) 

ติ่งเป็นคนสนใจเรื่องศาสนา ความเชื่ออะไรพวกนี้ เมื่อก่อนสมัยยังเด็ก ผมจำได้ว่าเขาสนใจพุทธศาสนามาก รู้ทุกอย่าง ต่อมาพออยู่ กทม. เขาสนใจศาสนาคริสต์ และเข้าร่วมเป็นคริสเตียนที่โบสถ์แถวลาดกระบัง และมุ่งมั่นเอาจริงมากตามนิสัยของเขา หลังจากนั้นผมก็ไม่รู้ว่าเขาสนใจอะไรอีกบ้าง

อุบัติเหตุ
เมื่อสักปีกว่าที่ผ่านมา มีเพื่อนมาคุยในกรุ๊ปในเฟซบุ๊คว่ามีใครรู้เรื่องอาการของติ่งบ้าง ทุกคนก็งง ไม่คิดว่าใครจะเป็นอะไร ต่างคนต่างรู้ข่าวมาไม่ค่อยจะตรงกัน ผมพอสรุปข้อเท็จจริงได้ดังนี้

- ติ่งอยู่คอนโดคนเดียว แถวๆมีนบุรี ใช้มอเตอร์ไซค์ขี่ไปทำงานแถวร่มเกล้า
- คืนเกิดเหตุ เป็นช่วงน้ำท่วม กทม. ท่วมพื้นถนน มองไม่เห็นหลุม
- ติ่งขี่มอเตอร์ไซค์ไปตกหลุม กระเด็น หัวกระแทกพื้นอย่างแรง
- บริเวณนั้นเป็นที่มืด ผ่านไปหลายชั่วโมงถึงมีคนมาพบและแจ้งเจ้าหน้าที่กู้ภัยมาช่วยเหลือ
- หมอบอกว่า กว่าจะมาถึง สมองเสียหายไปมากแล้ว
- ติ่งต้องผ่าสมองถึงสองครั้ง เพื่อเอาเลือดที่คั่งออก
- ทุกวันนี้กลับมารักษาตัวที่บ้านเชียงใหม่ โดยมีพ่อ แม่ และน้องสาวคอยดูแลอย่างใก้ชิด
- ติ่งยังคงไม่รู้สึกตัว ร่างกายมีตอบสนองบ้างแต่ไม่มาก ลืมตาได้แต่เหมือนมองไม่เห็นเรา
- ทุกคนมีความหวังว่า ติ่งจะดีขึ้นในเร็ววัน

ผมได้ยินว่ามีเพื่อนไปเยี่ยมและเล่าอาการให้ฟังหลายคน แต่ก็ไม่เท่ากับที่ได้ไปเห็นด้วยตัวเอง ตั้งใจพาลูกไปด้วย ให้เขาได้เห็นชีวิตในทุกด้าน ว่าในโลกนี้ยังมีคนที่ลำบาก เจ็บป่วย ไม่ได้สบาย มีสุขภาพดีเหมือนอย่างเรา

แรกที่เห็น ผมอึ้งพูดไม่ออก ติ่งดูผอมมาก กล้ามเนื้อไม่ได้ใช้งานมาเป็นปี มันลีบไปหมด ผิวหนังแห้งเหลือง ต้องใส่สายยางป้อนอาหารทางจมูก เจาะคอเพื่อช่วยหายใจ ขยับเองไม่ได้ ไม่สื่อสารโต้ตอบ มือแขนเกร็งต้องคอยบีบนวดให้ผ่อนคลาย ญาติต้องคอยพลิกตัวเพื่อไม่ให้เป็นแผลกดทับ เห็นแล้วน้ำตาจะไหลให้ได้

เรียกลูกๆมาสวัสดีลุงติ่ง ท่าทางเด็กๆตกใจไม่น้อยแต่ก็เป็นห่วงลุง ผมขอให้ลูกจับมือลุงติ่งและขอให้ลุงหายไวๆ ผมบีบแขน บีบมือเพื่อนหวังว่าข้างในติ่งคงจะรู้สึก ขอให้เพื่อนหายไวๆ เรายังหนุ่ม อายุยังน้อย มีอะไรที่พวกเราต้องทำอีกเยอะ หายเถอะนะ 

ผมคิดถึงพระเจ้า ในหัวมีแต่คำถามว่า ทำไมๆๆๆๆ มองดูพ่อแม่ติ่งแล้วสงสารมาก นี่เป็นสิ่งที่พ่อแม่ทุกคนไม่ต้องการที่สุดคือ ลูกต้องมาเจ็บป่วย ถ้าแลกกันได้พ่อแม่ขอยอมเป็นแทนลูก พ่อติ่งดูเหมือนยังทำใจไม่ค่อยได้แม้จะนานมาแล้ว แกดูเหมือนจะร้องไห้อยู่ตลอดเวลา 

ผมสงสารทุกคน ผมคิดถึงเพื่อนเมื่อวันที่เขายิ้มแย้มร่าเริงแข็งแรง ผมรู้ว่าโลกมันเป็นแบบนี้ นี่มันเรื่องธรรมดา เกิด แก่ เจ็บ ตาย แต่มันทำใจไม่ได้ เข้าใจมั้ย พระเจ้าได้ยินมั้ย...
5 itong2go: April 2013 Get well soon, my friend.. พาลูกไปเยี่ยมเพื่อนมา เพื่อนชื่อ ติ่ง เป็นเพื่อนตั้งแต่สมัยเรียน ปวช. ไปต่อลาดกระบังก็อยู่ด้วยกัน ทำงาน...

ผักสวนครัว รั้วกินได้ ง่ายนิดเดียว

แปลงนี้ปลูกแตงกวา ทำที่ไว้ให้มันเลื้อย

ผักชี ต้นหอม คื่นช่าย ลูกเอาเสือมาเฝ้าให้ด้วย

ตะไคร้ ไว้กันยุง ใส่ยำต่างๆ

บ้านไส้เดือน จะเขียนอธิบายคราวหน้า

สภาพของสนามหลังบ้าน กลายเป็นสวน

ฟักทองขึ้นเร็วมาก ขึ้นก่อนใครเพื่อน

แตงกวาก็แทงยอดออกมา ในวันที่สาม

ข้าวโพดครับ หนึ่งเม็ดได้สองฝัก

น่าจะกวางตุ้งนะ เหมือนคะน้ามากตอนเล็กๆ

มะม่วงหน้าบ้าน ออกเยอะมาก ต้องเอาไม้ไปค้ำ คาดว่า แรด แน่นอน
ช่วงนี้ลูกปิดเทอม อยากหาอะไรทำให้เด็กดูเป็นตัวอย่าง ประกอบกับชอบกินผักมากกว่าเนื้อ ก็เลยคิดว่าทำไมเราไม่ปลูกผักเอง เดิมคุณภรรยาเขาก็ปลูกอยู่แล้ว แต่เป็นแบบโยนๆเม็ดไปเผื่อฟลุ๊คซะมากกว่า ผมก็เลยคิดว่า ทำทั้งที จัดเต็มเอาดีๆไปเลย

เริ่มต้น ผมแบ่งต้นไม้ในบ้านออกเป็นสามกลุ่ม
1.  ไม้ยืนต้น - พวกมะม่วง ขนุน มะยม ลูกหว้า พวกนี้ปลูกทั้งหน้าบ้านและหลังบ้าน ปลูกมาตั้งแต่เข้าอยุ่บ้านนี้ละเกือบจะสามปี ก็เริ่มให้ดอกผล เช่นมะม่วงติดลูกเยอะมาก อื่นๆก็กำลังโต พวกนี้ไม่ต้องทำอะไรมาก รดน้ำพรวนดิน

2. ไม้ขนาดกลาง - พวกต้นไม่สูงมาก และเป็นอาหาร เช่น มะละกอ พริก กระเพรา พวกนี้จะหาแปลงแยกให้ ปลูกต้นใครต้นมันอย่างชัดเจน ไม่มั่วปนกัน เพราะถ้าทำแบบนั้น วัชพืชจะมั่วมาด้วย กำจัดยาก ต้องแยกของดีของเสียตั้งแต่แรก งานจะง่าย เสียเวลาเตรียมตัวเยอะหน่อย แต่ระยะยาวไม่เหนื่อย

3. ไม้ล้มลุก - คือพวกผักต่างๆ เช่น แตงกวา คะน้า กวางตุ้ง ฟักทอง ผักชี คื่นฉ่าย ต้นหอม พวกนี้จะทำแปลงของใครของมัน ขุดเตรียมดินขึ้นตากแดดไว้ คัดพวกเศษหญ้าออก พอเริ่มได้ที่ เอาเมล็ดมาหยอด (ซื้อจากตลาด) ทีละหลุมๆ อย่าชิดกันมาก เดี๋ยวแย่งอาหารกัน เสร็จแล้วคลุมด้วยฟาง (ขอเค้ามา) เพื่อกันแดดฝน รดน้ำให้เปียกชุ่ม ฟางจะช่วงคลุมหน้าดินไม่ให้แห้งไว บังแดดให้ต้นอ่อนไม่โดนเผาตาย กันน้ำเวลาเรารดน้ำแรงๆ

ทั้งหมดนี้ ทำเองที่บ้านนะครับ ใช้ที่แคบๆนี่แหละ สนุกดีตอนวางแผน กับต้องมาลงมือทำให้เป็นรูปเป็นร่าง ตอนแรกเลยไม่ได้ทำเอง ให้พวกคนสวนทำ เละครับเละ เขาไม่ได้ใส่ใจรายละเอียดอะไร ขุดๆไปงั้น แปลงผักไม่สวยเลย เราทำเองสวยงามน่าภูมิใจกว่าครับ ลูกๆได้ช่วยกันทำสนุกสนาน ได้เห็นพ่อแม่ตั้งใจทำงานด้วยแรงกาย เขาน่าจะประทับใจไม่น้อยเลยนะ

ไว้รอผักโตพอกินได้จะมาอัพเดทอีกที

แผนผังแปลงผักที่วางไว้ พร้อมแนวทางเดิน ไม่ให้ข้ามเหยียบแปลงผัก
5 itong2go: April 2013 แปลงนี้ปลูกแตงกวา ทำที่ไว้ให้มันเลื้อย ผักชี ต้นหอม คื่นช่าย ลูกเอาเสือมาเฝ้าให้ด้วย ตะไคร้ ไว้กันยุง ใส่ยำต่างๆ บ้านไส้เดื...

ข้อคิดที่ได้จากทริปเที่ยวทะเลปี 2555 ปราณบุรี หัวหิน ชะอำ

สมหมายน้อยรักทะเล
เพิ่งกลับมาครับ พาลูกเมียไปเที่ยวฉลองลูกคนเล็กสุดในท้องก่อนจะอดซ่ากันไปอีกเป็นปีๆ ทริปนี้ใช้เวลาหกวันถ้วน เริ่มจากเช้าวันอาทิตย์ กลับมาอีกทีเย็นวันเสาร์ ก็สนุกสนานกันดีและมีข้อคิดที่ได้จากการท่องเที่ยวดังนี้

วันแรก
- จองตั๋วเครื่องบินล่วงหน้านานๆได้ราคาลดพิเศษ จองกะทันหันขึ้นวันนั้นเลยจะแพงมาก
- จองโรงแรมใช้อโกด้าได้สะสมแต้ม อย่าลืมเช็คจากเว็บโรงแรมเผื่อมีโปรน่าสนใจ
- บางโรงแรมเลือกปฏิบัติกับการจองผ่านบางเอเย่น (ที่จริงไม่ควรอย่างยิ่ง)
- Web Check-in สะดวกมาก ไม่ต้องไปต่อแถวยาวเหยียด ไม่ต้องรีบไปสนามบิน
- ค่าแท๊กซี่จากบ้าน (บ่อสร้าง) ไปสนามบิน 250 บาท ขากลับ 300 บาท
- ห้องพักรับรองของ บางกอกแอร์เวย์ ทุกคนที่จองไปใช้ได้ ถ้าเป็น VIP จะมีห้องพิเศษ
- ห้อง VIP มีการเสิร์ฟอาหารด้วย
- Free WIFI ที่ห้องรับรองเหล่านี้
- แอร์ของบางกอกแอร์เวย์ พอรู้ว่าเป็นคนท้อง เขาจัดให้ไปนั่งข้างหน้า
- สามี ภรรยา นั่งแยกกันได้
- สายการบินนี้ เสิร์ฟอาหารเครื่องดื่มบนเครื่องไปกรุงเทพ เชียงใหม่ด้วย
- ค่าแท๊กซี่จากสุวรรณภูมิไปบ้านปากเกร็ด 540 บาทถ้วนรวมค่าทางด่วน

อาหารทะเลริมหาดชะอำ สดจริง อร่อยจัง
วันที่สอง
- ปราณบุรีห่างจากกรุงเทพประมาณ 3-4 ชั่วโมงขับรถไปเอง ครั้งแรกจะยิ่งนาน
- จากปากเกร็ดขึ้นสะพานพระรามสี่ ออกถนนราชพฤกษ์ แล้วไปกาญจนาภิเษก ออกเพชรเกษม เร็วสุด
- ทำใจได้เลยว่าหลงทางเป็นเรื่องปกติ วนไปมาหลายรอบไม่พ้นจังหวัดนนทบุรี
- Google Maps , Navigator ช่วยได้
- คนกรุงเทพขับรถเร็วมากๆ ต่อท้ายคันหน้าค่อนข้างชิดตูด น่ากลัวจะเบรกไม่ทัน
- รถติดเป็นช่วงๆ ในเขตกรุงเทพรอบนอก
- ง่วง เพลีย หลงทาง ให้จอดแวะปั๊ม แต่จอดค่อนข้างยางถนนมันคู่ขนาน ต้องรอออกต่างจังหวัดก่อน
- ปราณบุรี ทะเลไม่น่าเล่นน้ำเลย ไม่แย่เท่าพัทยาแต่มีแต่หินและเปลือกหอย คลื่นแรงนิดๆ
- อาหารทะเลแพงนะครับ ไม่ถูก
- Four Square ช่วยได้เวลาไม่รู้จะเลือกร้านไหน อ่านคอมเม้นแล้วฮาดี
- พักที่หรูไปเลยน่าจะดีกว่า แบบว่ามีชายหาดส่วนตัว
- โรงแรมบ้านๆอย่าไปเชื่อหน้าเว็บไซต์ ของจริงต่างกับรูปถ่ายฟ้ากับเหว
- สระว่ายน้ำโรงแรมช่วยได้ ถ้ามีเด็กๆไปด้วย
- ถ้าคนเยอะ นอนเตียงคู่ จะดีกว่าเตียงใหญ่เตียงเดียว เพราะแย่งผ้าห่มกัน คนตรงกลางจะหนาว
- ร้านกินปู ราคารสชาติโอเค หายากอยู่ในซอย

วันที่สาม
- โรงแรมบ้านๆจะคิดค่าอาหารเด็กเพิ่ม โรงแรมเชนตั้งแต่ไปมาไม่เคยโดนคิด
- ไม่ว่าจะเช้าหรือเย็น น้ำทะเลปราณก็ไม่น่าเล่น
- แถวริมหาดปราณไม่มีเซเว่น เบียร์ลีโอกระป๋องละ 35 บาท
- จากปราณมาหัวหินทางสะดวกดี
- เพลินวานร้อนมาก คนเยอะ ถ่ายรูปกัน
- เพลินวานเป็นตลาดที่ fake ที่สุดเท่าที่เคยเกิดมาเจอ
- ค่าจอดรถคันละ 40 บาท
- ที่บางแห่งไปครั้งเดียวก็เกินพอ
-  Novotel Hua Hin เช็คอินได้ตั้งแต่เที่ยง
- วิวชั้น 21 สวยงาม เห็นทะเลสุดลูกหูลูกตา
- โรงแรมนี้เมื่อก่อนชื่อ Golden Sand ถูกซื้อมารีโนเวทใหม่
- ลิฟท์ค่อนข้างช้าอย่างน่าประหลาดใจ
- ถ้ามาจากอโกด้า หมดสิทธิ์อัพเกรดแม้คุณเป็นสมาชิก Platinum
- สระว่ายน้ำและสไลเดอร์สนุกมาก เหมาะกับครอบครัวอย่างยิ่ง
- ทะเลก็งั้นๆเหมือนเดิม ไม่มีใครลงเล่น นอกจากอยากมากจริงๆ
- ช่วง 4-5 PM. is happy hour : Buy 1 get 1 free สำหรับเครื่องดื่มริมสระ ลองแล้วติดใจ คนเพียบ
- มีเซเว่นหน้าโรงแรมช่วยได้ถ้าไม่รู้จะกินอะไร
- ร้านปลาทูมีแต่คนด่า
- ฟรี wifi แต่ต้องขอตัวส่งสัญญาณจากฟร้อนมาจิ้มที่ห้อง

วันที่สี่
- อาหารเช้าที่นี่ดีเลยทีเดียว มีให้เลือกเยอะ คุ้มค่า ไม่คิดเด็กเพิ่มด้วย
- เที่ยงไปกินข้าวแถวหาดชะอำ เลือกร้านที่มีเลข ราคาโอเค ทำให้ด้วย คิดเงินเพิ่มนิดหน่อย
- ค่านั่งเตียงผ้าใบ สี่คนพ่อแม่ลูก 100 บาท
- คนชอบเล่น บานาน่า โบ๊ท กันเยอะ
- หาดที่นี่มีคนเล่นเยอะกว่าทุกที่ๆไปมา
- ปูสดๆเผามาอร่อยสุดยอด เด็กๆชอบมาก
- กุ้งสดๆเผาก็อร่อยมากเช่นกัน
- กินกับเบียร์เข้ากันอย่างยิ่ง
- อาหารทะเล ต้องกินริมทะเล
- ค่าอาบน้ำครั้งละ สิบบาท
- ขับรถจากโรงแรมไม่เกินสิบห้านาที
- เล่นน้ำสระโรงแรมเสร็จ มี Kids world ให้เด็กลุยได้ต่อ
- ทีวีไม่ค่อยมีช่องให้เลือกมากเท่าไหร่

Kids world เล่นกันสนุก
วันที่ห้า
- อาหารเช้าที่ว่าดี พอกินวันที่สองจะงั้นๆ เหมือนเดิมเลย
- มีคนเล่นน้ำตั้งแต่หกโมงเช้า
- มียิม แต่ไม่มีซาวน่า
- เช็คเอาท์เที่ยง
- ขากลับรู้สึกว่าเร็วกว่าขามา แต่ว่ารถเยอะ
- แวะกินข้าวปั๊ม ปตท. ของแพง ไอติมไม่อร่อย
- ถ้าไปปากเกร็ด ให้เลี้ยวเข้าถนนกาญจนาภิเษกและหาทางไปราชพฤกษ์ต่อให้ได้ ชีวิตจะดี
- เจอสะพานพระรามสี่คือถึงบ้านแล้ว ข้ามแยกสะดวกมาก
- นนทบุรี ร้อนเหมือน กทม.
- ร้านปลาเผาเมืองทอง C1 คนเยอะเหมือนเดิม
- ร้านเบียร์วุ้นใกล้ๆกันก็ขายดี
- เมืองทองกว้างมาก คนอยู่ที่นี่จะไปหากันยังนั่งแท๊กซี่
- มีงานมอเตอร์โชว์ รถติดมาก

วันที่หก
- ปิดแอร์ปุ๊บ จะร้อนทันที ต้องตื่น
- คนที่กรุงเทพ นนทบุรี นิยมจอดรถหน้าบ้าน
- ถนนมีน้อย แคบ และทำท่ออยู่ตลอดเวลา
- ดูหนัง SF ใช้บัตรเครดิตธนาคารกรุงเทพ ลดเหลือใบละ 75 บาท
- เบาะ SF กว้างกว่า Major
- โฆษณานานกว่าด้วย
- เด็กนักเรียนกรุงเทพเดินห้างเยอะมากๆ ทำไมไม่กลับบ้าน
- ลานสเก็ตสำหรับเด็ก ชั่วโมงละ 200 บาท ช่วงนี้มีโปรครึ่งชั่วโมง 90 บาท
- MUJI ยังน่าซื้อเหมือนเดิม
- Uniqlo สาขานี้กำลังตกแต่ง อีกไม่นานคงจะเปิด
- กับข้าวฝีมือแม่ ที่ได้กินพร้อมหน้าพี่น้องลูกหลาน อร่อยที่สุดในโลก

วันที่เจ็ด
- ให้เด็กดูทีวีมากไม่ดี ย่ายายมักจะตามใจ
- ปลานึ่งจิ้มน้ำพริกแจ่วอร่อยมาก
- ท่าน้ำปากเกร็ดไม่มีเรือเข้ากรุงเทพในวันหยุด
- เกาะเกร็ดคือ สถานที่ที่ร้อนมาก ขายอะไรก็ไม่รู้
- ขึ้นลงเรือ จ่ายเงินที่เดียวคือ ฟากเกาะเกร็ด
- ขึ้นตุ๊กตุ๊กบ้างก็สนุกดี ร้อนไปนิด
- จากปากเก็ดไปดอนเมือง ใช้เวลาประมาณ 30 นาทีเท่านั้น
- เช็คอินมาแล้ว เอาบาร์โค้ดไปแสกนเพื่อปรินท์ตั๋วออกมาได้เลย
- เด็กๆที่ยังไม่มีบัตร ต้องใช้  passport แทน หรือบัตรอื่นๆที่มีรูปถ่าย
- Gate ของแอร์เอเชีย ไม่ระบุลงในตั๋ว ทำให้ยุ่งยากในการเดินอ่านตามจอ
- ถ้าโหลดกระเป๋าจะต้องเสียเงินเพิ่ม (บางกอกแอร์เวย์ไม่เสีย)
- การประกาศให้เลขที่แถว 1-15 ขึ้นเครื่องก่อนไม่มีผล คนขึ้นมั่ว
- รอขึ้นทีหลังไม่เห็นจะเป็นอะไร
- เบาะของเจ้านี้มันตรงจนแทบจะก้มไปข้างหน้า
- มีทุกอย่างยกเว้นความสะดวกสบาย
- แอร์หน้าบึ้งตึง
- ขายของตลอดเวลาที่อยู่บนเครื่อง
- เครื่องออกเลท 20 นาที เพราะรอผู้โดยสารสองคน
- ทำไมต้องรอตั้ง 20 นาที
- ค่าแท๊กซี่กลับบ้าน 300 บาท
- หมดเงินไปเท่าไหร่ไม่รู้ ไม่อยากนับ 
- ลูกๆสนุกมาก พ่อแม่ก็สนุกแต่เหนื่อยสุดๆ
- มีเมลที่ต้องเช็คกว่าสองร้อยเมล ดีว่าอ่านไปบ้างแล้ว
- ทำงานถึงตีหนึ่ง ถึงจะได้นอน ไม่ค่อยสบายใจยังอ่านเมลไม่หมด
5 itong2go: April 2013 สมหมายน้อยรักทะเล เพิ่งกลับมาครับ พาลูกเมียไปเที่ยวฉลองลูกคนเล็กสุดในท้องก่อนจะอดซ่ากันไปอีกเป็นปีๆ ทริปนี้ใช้เวลาหกวันถ้วน เริ่มจากเช้...

Facebook Comments

Recommended Post

เฮียโก บรรยายให้น้องๆมช.ฟังเรื่องการเริ่มต้นธุรกิจทำ content ออนไลน์

 บรรยายผ่าน zoom ครับ ก็จะแห้งๆนิดนึงแต่ก็ได้เนื้อหาอีกแบบนึงอยู่นะ เปิดฟังเองอีกรอบนึงก็สนุกดี พูดตะกุกตะกักไปหน่อย