อมช. อิ่มอาหารตาอิ่มอาหารกายง่ายๆจ่ายแค่ 25 บาท

ดูครับ ผู้คนมากินกันเยอะจริงๆ ไม่ได้มีเฉพาะนศ.
อมช. ย่อมาจากอะไรผมก็ไม่ทราบได้ แต่รู้ว่ามันคือ โรงอาหารขนาดใหญ่ ตั้งอยู่ในมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ประมาณเป็นโรงอาหารกลาง (ปกติแต่ละคณะจะมีโรงอาหารย่อยเล็กๆอยู่ด้วย) เดินทางสะดวก จอดรถง่ายฝั่งตรงข้ามแล้วเดินข้ามถนนมา

จุดเด่นของ อมช. มีดังนี้

1. ใครๆก็ไปกินได้ - ทุกคน ไม่เฉพาะนักเรียน นักศึกษา ดูรูปข้างบน คนผมยาวไว้หนวดนั่นไม่น่าจะใช่ทั้งสองอย่าง พนักงานออฟฟิศเอย คนทำงาน นักท่องเที่ยว (ชาวจีนเยอะมากต้องมีป้ายภาษาจีน) ทุกชาติ สรุปคือ ใครก็ไปกินได้หมด ไม่ต้องโชว์บัตรแสดงตนใดๆทั้งสิ้น

2. ราคาถูกมาก - ถูกกว่านี้ก็แจกฟรีละครับ ข้าวราดแกงสามอย่าง 25 บาท ถ้าหนึ่งอย่างก็คง 15-20 บาท ข้าวหมูแดง 20 บาท ถ้าเอาหมูกรอบด้วยก็ 25 บาท แถมน้ำซุป แตงกวาหยิบได้ไม่อั้น น้ำเปล่าฟรี กดกินตามสบาย น้ำผลไม้แก้วละ 5 บาท ราคานี้โรงอาหารโรงเรียนประถมบางแห่งยังแพงกว่าเลยครับ

3. รับเงินสด - ที่นี่ซื้อขายสะดวกมาก ไม่เหมือนตามฟู้ดคอร์ทที่ต้องซื้อบัตรซื้อคูปองให้วุ่นวาย ไหนถ้ากินเหลือต้องไปแลกคืนอีก ที่นี่รับเงินสดๆ เหรียญก็รับ แถมไม่ต้องพกเยอะ มีแบงค์แดงๆใบเดียวกินอิ่มสบายสองสามคน

4. จอดรถสะดวก - ถ้าใช้มอเตอร์ไซค์จะสะดวกสุด เพราะจอดได้ทั้งสองฟาก ถ้าใช้รถยนต์จอดฝั่งตรงข้าม ที่จอดมีเยอะพอสมควร ไปทีไรก็ได้จอดทุกที คนมากินข้าวที่นี่เขาจอดกันไม่นาน

5. มีผลไม้ขายด้วย - แน่นอนโรงอาหารไหนๆก็มีผลไม้ขาย แต่ร้านที่นี่เขามีแบบจัดเต็ม มีให้เลือกหลากหลายตามฤดูกาล ทั้งแบบหั่นเป็นถุงๆจิ้มกินง่าย และแบบชั่งกิโล ถามหน่อยว่าเคยเห็นโรงอาหารที่ไหนขายทุเรียนบ้างมั้ย ที่นี่มีครับ แพ็คไว้อย่างดีเลย

6. เดินทางสะดวก - ถ้าบ้านคุณอยู่โซนแถวๆมช. คันคลอง เจ็ดยอด นิมมาน สุเทพ หลังมอ อมช. คือสวรรค์สำหรับคุณ เพราะเดินทางง่ายดายเพียงแค่หนึ่งไฟแดง ก็พาตัวเองมาอิ่มท้องได้แล้ว

7. อาหารตา ดูฟรีไม่เสียเงิน - พวกที่เรียนจบไปนานๆแล้ว มักจะเข้าใจความรู้สึกของเด็กๆน้องๆมหาลัยเป็นอย่างดี วัยนี้ช่างสดใสเฟรชชี่ ไม่ต้องกังวลเรื่องงานการหนี้สิน เรื่องใหญ่ของน้องๆคือเรื่องเรียน ถัดมาก็คงเป็นรักในวัยเรียน พวกพี่ๆนั่งกินข้าวไป มองน้องๆไปคิดเรื่องอดีตครั้งใดมันช่างชุ่มชื่นหัวใจดีแท้

วันหลังว่าจะไปลองโรงอาหารราชภัฎกับโรงอาหารพายัพบ้าง มีแต่คนเขาว่าเด็ดขาดมากให้ตายสิโรบิ้น ได้เรื่องอย่างไรจะรีบมารายงานโดยพลัน

ปล. เดี๋ยวนี้ยามมช.เขาให้แลกบัตรด้วยแล้วนะ รถใครไม่มีสติ๊กเกอร์ก็จงแลกบัตรแล้วกลับมาออกทางเดิมให้เรียบร้อย
5 itong2go: July 2015 ดูครับ ผู้คนมากินกันเยอะจริงๆ ไม่ได้มีเฉพาะนศ. อมช. ย่อมาจากอะไรผมก็ไม่ทราบได้ แต่รู้ว่ามันคือ โรงอาหารขนาดใหญ่ ตั้งอยู่ในมหาวิทยาลัยเช...

The Thamna Hotel ที่เดียวจบครบความอร่อยในหมู่บ้านปาล์มสปริง

 ร้านกาแฟ Merkaba Coffee
ค้นพบร้านกาแฟและร้านอาหารบรรยากาศสุดชิลตั้งอยู่ภายในโรงแรม The Thamna ที่อยู่ในหมู่บ้านปาล์ม สปริง ฝั่งตรงข้ามโรงเรียนมงฟอร์ต (มัธยม) อีกที ขับรถเข้ามาต้องแลกบัตรที่ยาม บอกเขาว่าไปโรงแรม เลี้ยวขวานิดเดียวก็ถึงเลย

ในโรงแรมมีร้านอยู่สองร้านคือ ร้านกาแฟ Merkaba และร้านอาหารอินเดีย Mama's Kitchen

Merkaba Coffee - จำหน่ายเฉพาะกาแฟชั้นดี โดยบาริสต้าหนุ่มมากฝีมือ ผู้มีความตั้งใจจะชงกาแฟที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าเท่านั้น ราคาก็สุดแสนจะประหยัดเพียงแก้วละ 50 บาท แถมยังได้นั่งชิลที่สวนของโรงแรมได้อีก แน่นอนว่าฟรี WIFI และจะนั่งนานเท่าไหร่ก็ได้ เขาไม่คิดค่านั่งคุยธุรกิจ
ลาเต้อาร์ต เนี๊ยบทุกแก้ว ยอมเขาเลย ไม่สวยทำใหม่
คุณต่อ บาริสต้าหมุ่มมากฝีมือ
มุมนั่งทำงานสุดแสนสบาย
สวนสวยๆ พาเด็กๆมาวิ่งเล่นได้สบาย
ร้านอาหารอินเดีย Mama's Kitchen - ใครคิดว่าอาหารอินเดียกินยาก ไม่อร่อยอย่างงั้นอย่างงี้ ถึงเวลาต้องคิดใหม่เพราะแท้จริงแล้วอาหารอินเดียอร่อยมาก หอมเครื่องเทศ โดยเฉพาะถ้าได้ใช้มือกินแทนช้อนส้อมจะถึงรสชาติอย่างแท้จริง ราคาก็สุดแสนจะประหยัด เริ่มต้นเพียง 50-60 บาทเท่านั้น อร่อยคุ้มค่าแบบนี้จะหาที่ไหนได้อีก
นาน - อาหารอินเดียชนิดหนึ่ง เป็นแป้งคล้ายโรตีผสมเนื้อหรือผักชนิดต่างๆ
ตัดกินแบบพิซซ่า หรือใช้มือเปิบก็ตามสะดวก
บริเวณด้านหน้าโรงแรม
ท่านที่สนใจแต่มาไม่ถูกหรืออยากสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมโทร. 086-6626060 (คุณปัท ผู้จัดการโรงแรม)
5 itong2go: July 2015  ร้านกาแฟ Merkaba Coffee ค้นพบร้านกาแฟและร้านอาหารบรรยากาศสุดชิลตั้งอยู่ภายใน โรงแรม The Thamna ที่อยู่ในหมู่บ้านปาล์ม สปริง ฝั่งตรงข้า...

วิธีเอาตัวรอดจากรถติดแยกข่วงสิงห์มหาวิบัติ

จุดที่เส้นสีเหลืองตัดกับเส้นสีขาว จุดนั้นเราเรียกว่า "แยกข่วงสิงห์"
ออกตัวก่อนว่าเรื่องนี้เขียนจากประสบการณ์การเป็นชาวข่วงสิงห์โชตนามากว่าสิบปี ไม่ใช่เรื่องเกินเลยในเวลานี้ที่จะเรียกสี่แยกข่วงสิงห์ในเวลานี้ว่าแยกมหาวิบัติ ต่างคนต่างตั้งชื่อเรียกไปต่างๆนาๆแล้วแต่ว่าได้ใช้เวลาอยู่ในรถนั่งจ้องไฟแดงบนแยกนี้นานเท่าไหร่ บ้างเรียกแยกโคตรติด บ้างเรียกแยก99 (เธอบอกว่ามองทีไรเลขนับถอยหลังก็อยู่ที่ 99 ตลอด นัยจะสื่อว่า ติดนานนนนนมากก)

แน่นอนว่าไม่ใช่เรื่องเล่นๆถึงกับจะต้องเอามาเขียนบล็อกเป็นเรื่องเป็นราว ขออธิบายลักษณะทางกายภาพของแยกนี้สักเล็กน้อย แยกข่วงสิงห์มีสี่ทิศทาง ดูรูปนะครับ เส้นเหลืองๆคือซุปเปอร์ไฮย์เวย์ ซึ่งมีการทำอุโมงค์ทางลอดทางแยก รถก็จะไม่ติดมากนักเว้นแต่คนที่จะเลี้ยวขวาที่ต้องมาติดรอไฟแดง

ถ้ามาจากเจ็ดยอด จะไปราชภัฏอันนี้ติดไม่นาน ติดไม่ยาว ชิลที่สุดในสี่ทิศทางนี้

ถ้ามาจากโลตัสคำเที่ยง อันนี้คือติดยาวเหมือนกัน ถ้าจะเลี้ยวซ้ายให้ค่อยๆเลาะไป แต่ชอบไปติดตรงรถของบรรดาช่างที่ชอบมาจอดซื้อเครื่องมือตรงร้านมนตรีแมชชีนทูลส์ (ของแท้ต้องตึก5ชั้น) ถ้าจะเลี้ยวขวาใช้ได้ทั้งสองช่องทาง ระวังรถทางขวาบางครั้งเป็นคนต่างพื้นที่เขาอาจพุ่งตรงไปได้ ควรตบไฟเลี้ยวให้สัญญาณแต่เนิ่นๆอย่าชะล่าใจ ส่วนช่องขวาสุดเป็นช่องกลับรถ อย่าได้ไปขวางทางทีเดียวเชียว ไม่งั้นท้ายแถวอาจยาวไปถึงโลตัส

ถ้ามาจากศาลากลางจะเข้าเมือง ถือว่าสาหัสที่สุดในบรรดาสี่ทิศทาง เพราะถนนจริงมีสามเลน โดนร้านค้า ร้านรถแต่ง ร้านของเก่า รถขนขยะเอาไปหนึ่งเลน เหลือแค่สองเลนสำหรับรถที่จะไปทั้งสามทิศทางคือเลี้ยวซ้าย เลี้ยวขวาและตรงไป เคล็ดลับ ณ เวลานี้คือ "อย่าใช้ช่องทางซ้ายสุดเด็ดขาด เพราะมีการขุดถนน มีเครื่องจักรกีดขวาง ถ้าต้องการเลี้ยวซ้ายหรือไปตรงให้ใช้ช่องกลาง ถ้าต้องการเลี้ยวขวาให้ใช้ช่องขวา ชิดช่องขวาไว้ดีที่สุด เพราะตอนนี้รถสองช่องซ้ายเขาจะเบียดทำจังหวะแทรกกัน ท่านจะมีช่องว่างให้ขยับตัวทะลุไปช่องกลางด้านหน้าได้อย่างคาดไม่ถึง"

ถ้าท่านมาจากทางราชภัฏ ขอเริ่มที่สี่แยกตลาดธานินทร์เลยละกัน ทุกวันนี้เขาปล่อยรถทีละทาง ดังนั้น ท่านจะอยู่เลนซ้ายหรือขวาก็ได้เหมือนกัน (แนะนำเลนขวาเพราะทางซ้ายชอบมีรถชะลอเลี้ยวเข้าซอยเวียงบัวหรือรถเหลืองแม่ริมจอดรับคน) วิ่งชิดขวามาเรื่อยๆ ถ้าท่านจะเลี้ยวขวาควรจะชิดขวา ถ้าท่านจะตรงไปควรใช้เลนกลาง ใครจะเลี้ยวขวาไม่แนะนำเลนนี้เพราะรถไปตรงมีเยอะอาจสอยท่านเข้ากลางลำตัวได้ ถ้าจะเลี้ยวซ้ายก็ใช้เลนซ้าย ไม่แนะนำให้เลาะซ้ายสุดเพราะมักมีรถออกมาจากซอยอาหารเจ เลนซ้ายสุดอาจทำเนียนไปตรงได้ในบางโอกาสที่เหมาะสม

จากข้อสังเกตุของเราพบว่า ปริมาณรถที่เพิ่มขึ้นมากเป็นส่วนหนึ่งของปัญหารถติดเมืองเชียงใหม่ แต่ที่หนักกว่าและเป็นปัญหาร้ายแรงคือ การขาดวินัยจราจร รองลงมาคือ การขาดทักษะการขับรถที่เหมาะสม รองจากนั้นคือ การไร้น้ำใจต่อเพื่อนร่วมทาง สิ่งเหล่านี้ล้วนแก้ไขได้ที่ตัวผู้ขับขี่เองทั้งสิ้น สามารถลงมือทำและแก้ปัญหาได้เลยไม่ต้องรอทางการขยายเส้นทางหรืออุโมงค์ทางด่วนเพิ่มเติมแต่อย่างใด

เริ่มที่ตัวคุณวันนี้ เพื่อการจราจรที่ดีเมืองเชียงใหม่
5 itong2go: July 2015 จุดที่เส้นสีเหลืองตัดกับเส้นสีขาว จุดนั้นเราเรียกว่า "แยกข่วงสิงห์" ออกตัวก่อนว่าเรื่องนี้เขียนจากประสบการณ์การเป็นชาวข่วงสิงห...

ข้าวซอยที่ดีต้องแม่มณีเท่านั้น โชตนาซอย4 ใกล้ศูนย์ราชการเชียงใหม่

ข้าวซอยเนื้อ ธรรมดา 35 บาท
Testimonian จากสื่อทั้งหลายการีนตีความอร่อย
เที่ยงนี้ออกมาธุระข้างนอก เลยแวะไปชิมข้าวซอยแม่มณีซะหน่อย ไม่ได้ไปนานแล้วตั้งแต่ทำคอลัมน์เรื่องข้าวซอย ร้านนี้จัดว่าหายากเอาการสำหรับคนที่ไม่คุ้นทาง ง่ายที่สุดคือ จากแยกข่วงสิงห์มุ่งหน้าไปศาลากลาง ก่อนถึงไฟแดงศาลากลางให้กลับรถ ย้อนมาเลยศูนย์จัดหางานจะเจอซอย 4 เข้าซอยมาสองร้อยเมตรจะมีซอยเล็กๆอยู่ซ้ายมือ เข้าซอยนี้ตรงมานิดเดียวก็เจอละ

ร้านเล็กนิดเดียว มีสักห้าโต๊ะได้ ที่จอดรถมีแต่แคบมากจอดได้สองคัน ก็ตามที่ป้ายบอกร้านนี้ไม่มีสาขา (คงมีคนเอาไปแอบอ้างหรือชื่อเหมือนกัน) วันนี้ไม่เจอแม่มณี เจอแต่ลูกสาวกำลังง่วนทำอยู่คนเดียว ท่าทางกำลังยุ่งมีแขกนั่งอยู่ก่อนแล้วสองโต๊ะ

สั่งข้าวซอยเนื้อมาลอง สักพักก็ยกมาเสิร์ฟ ปริมาณเส้นข้าวซอยได้ไม่เยอะ แต่จะไปเยอะตรงเส้นกรอบ เนื้อวัวตุ๋นจนนุ่ม น้ำข้าวซอยข้นกะทิ (หลายครั้งแล้วสังเกตุว่าน้ำข้าวซอยร้านนี้จะไม่ค่อยร้อน คือเรียกว่าน้ำอุ่นได้เลย) หอมแดงหัวเล็กปอกและหั่นผ่าครึ่งมาให้เรียบร้อย ผักดองกรอบดี ดูสะอาดสะอ้าน ปรุงใส่พริกเผาเล็กน้อย นอกนั้นไม่ใส่อะไรให้เสียรสชาติ ถ้วยนี้หมดภายในเวลาไม่ถึงห้านาที

ปัญหานึงของการกินข้าวซอยคือ มันชอบเลอะเสื้อ และวันไหนที่กินข้าวซอยก็มักจะใส่เสื้อสีขาวๆไปซะทุกครั้ง วันนี้ระวังตัวดีเสื้อไม่เลอะแล้ว 

ใครชอบข้าวซอยและอยากลองร้านที่ไม่เหมือนใคร เจ้าเก่าดั้งเดิม การันตีจากหลายสำนักขอเชิญได้ที่ข้าวซอยแม่มณี

ปล. ร้านหยุดทุกวันพระ แม่มณีจะไปทำบุญครับ
5 itong2go: July 2015 ข้าวซอยเนื้อ ธรรมดา 35 บาท Testimonian จากสื่อทั้งหลายการีนตีความอร่อย เที่ยงนี้ออกมาธุระข้างนอก เลยแวะไปชิมข้าวซอยแม่มณีซะหน่อย ไม่...

รวมข้อคิดที่ได้จากการฟังโค้ชหมี กูรู Digital Marketing

โค้ชหมี ยกตัวอย่างเว็บ www.reviewchiangmai.com ประกอบการบรรยาย
ช่วงนี้เห็นหลายคนขยันอัพบล็อกก็พลอยทำให้รู้สึกดีว่ามีอะไรที่สร้างสรรค์กำลังจะเกิดขึ้น การอัพบล็อกอย่างต่อเนื่องต้องอาศัยความอดทนมุ่งมั่นตั้งใจพอสมควร เราได้ไปฟังโค้ชหมี มาพูดในงาน Digital Marketing ที่จัดโดยจังหวัดเชียงใหม่ร่วมกับมช. เพื่อโปรโมทเว็บ cmhotdeal.com ก็ได้มาทั้งไอเดียและแรงบันดาลใจ

โค้ชหมีเป็นใคร เราก็ไม่รู้เหมือนกัน ทราบแต่ว่าเป็นกูรูด้าน Digital Marketing ที่มีชื่อเสียงมากคนหนึ่ง ช่วงแรกของการบรรยายผมไม่ได้ฟังเพราะต้องไปคุยธุระแล้วรีบบึ่งกลับมาทันในช่วงเบรคสุดท้ายพอดี และนี่คือสิ่งที่ได้จากโค้ชหมี

- พฤติกรรมคนไทยบนเฟซบุ๊ค
1. คนไทยชอบความสนุก รักความสนุก ชอบอะไรที่ไม่เป็นทางการ
2. อย่าใส่สูทขึ้นเฟซบุ๊ค คนไม่ชอบ
3. คนในเฟซบุ๊คชอบเสือกเรื่องคนอื่น ชอบดราม่า
4. คนชอบอะไรที่กวนตีน ตลก อารมณ์ขัน

- คนสมัยนี้อยากได้รับประสบการณ์ เราต้องสร้างประสบการณ์ให้คนที่เห็นสินค้า/บริการของเรา "มโน" ไปได้ว่า ถ้าฉันได้ใช้หรือได้เป็นเจ้าของแล้วจะดี

- การสื่อสารกับลูกค้าให้เริ่มต้นเล่าเรื่องจาก WHY ไม่ใช่ WHAT ให้บอกลูกค้าว่า "ทำไม" คุณถึงทำมันออกมา สื่อสารกับลูกค้าด้วย Passion ให้โดนใจคน โดยเน้นโฟกัสไปที่ WHY

- องค์ประกอบของ Digital Marketing Trend 2015
1. Website
2. Content
3. SEO
4. Mobile
5. Social

- Social Media Marketing เหมือนการรุกเข้าไปหาผู้บริโภค ส่วน Search Engine Marketing เป็นการตั้งรับรอผู้บริโภคเข้าหา สำคัญและจำเป็นทั้งสองส่วน

- ในการสร้างแบรนด์ (Coporate Identity) สีและฟอนต์สำคัญที่สุด เลือกให้ชัดเจนแล้วอย่าเปลี่ยนไปมา ผู้คนจะสับสน

- ผู้คนทุกวันนี้ไม่ได้กินเพื่อความอร่อย เขากินเพื่อเอา Story จงสร้าง Story ให้ผู้คนได้เสพเรื่องราวเหล่านั้น

- เพื่อให้ได้สิ่งที่ดีที่สุด เราต้องทำให้ดีที่สุด (ป้ากรี ปลากริมไข่เต่า)

ในงานมี่เล่นเกม รับแจกของรางวัล คนเสื้อเขียวคือคุณไผ่เซเลบทวิตเตอร์ +iAuan mkt 

Quote นี้ของแจ๊ค หม่า เจ้าของ Alibaba

ช่องทางการโปรโมท Brand

โค้ชหมี บรรยายแบบเป็นกันเอง ใช้ภาษาบ้านๆทั่วไป ไม่เน้นศัพท์วิชาการ


5 itong2go: July 2015 โค้ชหมี ยกตัวอย่างเว็บ www.reviewchiangmai.com ประกอบการบรรยาย ช่วงนี้เห็นหลายคนขยันอัพบล็อกก็พลอยทำให้รู้สึกดีว่ามีอะไรที่สร้างสรรค์กำ...

7 ข้อดีของการมีบ้านอยู่ในตัวเมืองเชียงใหม่

บ้านหลังนี้อยู่โชตนา ซอย12 หรือที่เรียกกันว่าซอยทเวนตี้นั่นเอง (งงมั้ยซอย12แต่เรียกซอย20)
ที่ดินในเมืองแพงขึ้นทุกวันๆ ราคาต่อตารางวาของอำเภอเมืองเชียงใหม่ตอนนี้อยู่ที่ 25000-30000 บาท (อันนี้แถวซอยวัดร่ำเปิงไม่ติดถนน) ทำให้คนจำนวนมากที่ต้องการมีบ้านพักอาศัยต้องไปซื้อกันแถวรอบนอก คืออำเภอที่ติดกับอำเภอเมืองแทน เนื่องจากราคาที่ดินถูกกว่า มีโครงการบ้านจัดสรรให้เลือกมากมาย การเดินทางสะดวกสบายด้วยถนนวงแหวนทั้งเส้นรอบกลางและรอบนอก

แต่การอยู่นอกเมืองก็มีปัญหาของมันเองเช่นกัน ตัวอย่างเช่น ต้องใช้เวลาเดินทางมากขึ้นกรณีเข้ามาทำงานในเมือง ต้องมีรถส่วนตัว ต้องฝ่าฟันรถติดตอนเช้าและรถติดตอนเย็นเพื่อกลับบ้าน ต้องอยู่บ้านจัดสรรที่เพื่อนบ้านไม่ค่อยรู้จักกันแม้รั้วชิดติดกัน ต้องทนกับความเปลี่ยวเหงาเพราะจะเข้าเมืองทีก็ไกลเหลือเกิน ว่าแล้วเราลองมาดูกันว่าข้อดีของการมีบ้านอยู่ในเมืองมีอะไรกันบ้าง

1. เดินทางสะดวกสบาย - เราเคยไปอยู่บ้านที่สันกำแพงมาแล้ว ตรงแยกหลุยส์ แล้วต้องเข้ามาทำงานในเมืองทุกวัน เดินทางทุกๆวันมันก็เหมือนจะชินนะ แต่พอย้ายกลับมาอยู่บ้านในเมืองถึงรู้ว่า ที่ผ่านมาเราเสียเวลาเดินทางไปเยอะมาก

2. ช่วยย่นระยะเวลา - จากเดิมจากนิมมานจะกลับบ้านสันกำแพง นับไว้เลย 40 นาทีอย่างต่ำ ตอนนี้อยู่แถวแยกข่วงสิงห์เคยจับเวลาใช้เวลาแค่ 5 นาที (รถไม่ติด) ก็ถึงบ้านแล้ว เรียกว่ามีเวลาเหลือเพิ่มขึ้นฟรีๆ 35 นาที

3. ปลอดภัยไรักังวล - เมื่อไม่ต้องขับรถมาก ก็ไม่ต้องอยู่บนถนนมาก โอกาสเกิดอุบัติเหตุจึงน้อยตามไปด้วย แถมในเมืองรถยังวิ่งช้าเพราะขับเร็วไม่ค่อยได้ อุบัติเหตุรุนแรงจึงไม่ค่อยมีให้เห็นมากเท่าอำเภอรอบนอกที่มักจะขับเร็วแถวบางเส้นทางยังมืดอีก

4. ซื้อของสะดวกง่ายดาย - ในเมืองมีตลาดหลายจุด ซุปเปอร์มาร์เก็ตอีกหลายแห่ง ทั้งท๊อปส์ ทั้งโลตัสเอ็กซ์เพรส ไหนจะห้างอีกทุกมุมเมือง สวรรค์ของนักช๊อปกันเลยทีเดียว

5. มีเพื่อนบ้านมีชุมชนคนกันเอง - บ้านที่อยู่ในเมืองส่วนมากจะเป็นบ้านที่อยู่มานานแล้ว เขาจะรู้จักกัน มีการพูดจาทักทาย ช่วยกันสอดส่องดูแลบ้าน ต่างจากบ้านจัดสรรแถบรอบนอก ที่ผู้คนมักไม่รู้จักกัน (และไม่คิดจะรู้จัก) ความเป็นชุมชนจึงไม่บังเกิด

6. ส่งลูกไปโรงเรียนเพียงพริบตา - ในบรรดาโรงเรียนที่ดีๆที่เราๆท่านๆส่งลูกไปเรียน มันล้วนอยู่ในอำเภอเมืองทั้งสิ้น การอยู่ในเมืองแล้วส่งลูกในเมืองย่อมสะดวกกว่าอยู่นอกเมืองแล้วส่งลูกในเมืองเป็นแน่แท้ เลิกเรียนรับลูกกลับบ้านเร็วมีเวลาเหลือไปทำกิจกรรมอย่างอื่นได้อีก

7. เพื่อนมาหาก็แสนจะง่ายดาย - ต่างกันชัดเจนเมื่อเทียบระหว่างบ้านในเมืองกับนอกเมือง บ้านนอกเมืองนี่คนไปหาแทบจะนับครั้งได้เพราะมันไกลและต้องนัดแนะบอกทางกันวุ่นวาย ผิดกับบ้านในเมืองที่เพื่อนอาจผ่านมาทางนี้พอดีเลยแวะหา แวะมาทักทายกัน สะดวกกว่ามาก

สำหรับท่านที่กำลังพิจารณาหาที่อยู่ว่าทำเลไหนยังไง ลองตัดสินใจกันดู มีทั้งดีและเสียอยู่ที่เราจะออกแบบชีวิตแบบไหนยังไงมากกว่าครับ

5 itong2go: July 2015 บ้านหลังนี้อยู่โชตนา ซอย12 หรือที่เรียกกันว่าซอยทเวนตี้นั่นเอง (งงมั้ยซอย12แต่เรียกซอย20) ที่ดินในเมืองแพงขึ้นทุกวันๆ ราคาต่อตารางวาของอ...

ในยุคนี้จะเลี้ยงลูกให้ปราศจากอาการติดหน้าจอทั้งหลายได้อย่างไร

พาตัวเล็กไปช๊อปปิ้งซื้อของเข้าบ้าน
ปัญหาที่เราเห็นทุกวันนี้คือ เด็กๆของหลายๆบ้านมีอาการติดหน้าจอ ทั้งจอทีวี จอมือถือ จอแทบเล็ต โดยเฉพาะสองอย่างหลังจะติดกันมาก เพราะมันมีเกมให้เล่น มียูทูปให้ดู ตอบสนองความต้องการเด็กได้อย่างครบถ้วนสนุกสนาน แต่สร้างปัญหาตามมาคือ อาการก้าวร้าว งอแง ไม่ยอมทำการบ้าน ไม่ยอมกินข้าว ไม่ทำนั่นนี่ถ้าไม่มีไอแพด

ทำความเข้าใจตรงกันก่อนว่าธรรมชาติของเด็กคืออะไร ตอบ-มันคือการเล่น โดยเฉพาะในเด็กเล็ก ส่วนเด็กโตก็ยังต้องการการเล่นแต่อาจแทรกงานบางอย่างให้หัดรับผิดชอบ เมื่อการเล่นเป็นส่วนสำคัญก็ถามต่อว่า การให้เด็กเล่นไอแพด มือถือ จัดว่าเป็นการเล่นตามธรรมชาติด้วยหรือไม่ หลายท่านคงตอบได้ทันที

ทำไมเด็กถึงต้องเล่น เพราะการเล่นช่วยเสริมสร้างพัฒนาการ เสริมสร้างทักษะต่างๆในการดำรงชีวิต เด็กเล็กยังไม่พร้อมที่จะเรียนหรือทำตามคำสั่งอย่างแข็งขัน เพราะฉะนั้น การเล่นอย่างเหมาะสมจึงสำคัญมากต่อพัฒนาการของเด็ก

มีงานวิจัยจากเมืองนอกบอกว่า ใน Silicon Valley สถานที่ก่อกำเนิดเทคโนโลยีชั้นนำของโลก เหล่าผู้บริหารบริษัททันสมัยเหล่านี้ไม่ได้ให้ลูกเล่นไอแพด ไอโฟน และยังป้องกันเด็กๆไว้จากเทคโนโลยีเหล่านี้ จนกว่าพวกเขาจะโตจนถึงวัยที่เหมาะสม จึงจะได้รับอนุญาตให้ใช้เครื่องมือเหล่านี้ได้

ในทางกลับกัน บ้านเราซึ่งเป็นประเทศผู้เสพเทคโนโลยี กลับให้ลูกหลานเข้าถึงอุปกรณ์และสื่อเหล่านี้เร็วเกินไป กลัวลูกไม่ทันสมัย กลัวลูกไม่ทันเพื่อน กลัวลูกใช้คอม ใช้ไอแพดไม่เป็น เราในฐานะที่ทำงานเกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีและอุปกรณ์ไฮเทคทั้งหลาย ขอบอกเลยว่าไม่เป็นความจริง ของเหล่านี้ใช้งานง่ายมาก ใช้ได้แบบไม่ต้องคิดอะไร ทักษะการคิดเป็น การคิดสร้างสรรค์สำคัญกว่ามาก 

ไหนๆก็ไหนๆแล้ว มาดูกันว่า ถ้าเราอยากจะให้เด็กๆของเรา ลด ละ เลิก อาการติดหน้าจอ ควรต้องทำอย่างไรบ้าง

1. กำจัดหน้าจอออกจากบ้าน - อ่านไม่ผิดครับ เอาออกจากบ้าน ถ้าจำเป็นต้องใช้งานก็ให้เข้ารหัสไว้ และนำไปไว้ในที่มิดชิด เด็กมองไม่เห็น เมื่อเด็กไม่เห็นก็จะไม่อยากเล่น เมื่อไม่ได้เล่นหน้าจอก็ต้องหาอย่างอื่นเล่น หาอย่างอื่นทำ ซึ่งนำไปสู่ข้อสอง

2. จัดเตรียมสถานที่และกิจกรรมที่เหมาะสม - พอไม่มีไอแพด เด็กก็จะมุ่งไปหาทีวี (ถ้าคุณโอเคให้ลูกดูละครน้ำเน่าและโฆษณาครีมรักแร้ขาวก็ไม่เป็นไร) ก็ต้องกำจัดทีวีออกไปอีก ไม่ได้หมายว่าให้ยกออกไปจากบ้าน แต่จำกัดการดูหรือไม่ต้องดูมันเลย เอารีโมทไปไว้ที่อื่น เอาล่ะพอดูทีวีไม่ได้ เด็กย่อมต้องการเคลื่อนไหว เราต้องเตรียมที่ไว้ให้เล่น อาจเป็นที่โล่งๆ หรือห้องนั่งเล่น เอาของเล่นที่สร้างสรรค์ไปไว้ในนั้น แล้วเขาจะเล่น ถ้าเขาเล่นไม่เป็น ให้เล่นเป็นเพื่อนเขาจากนั้นเขาจะรู้วิธีเล่น

3. กิจกรรมนอกบ้าน - คนเราดูทีวีหรือเล่นไอแพด เพราะมีเวลาและมีพลังเหลือ ถ้าเด็กได้ใช้พลังจนหมดแล้ว ก็จะไม่สนใจหน้าจอสักเท่าไหร่แล้ว หลังเลิกเรียน อาจจัดกิจกรรมสนุกๆและได้ออกกำลังกาย เช่น ชวนลูกไปวิ่ง ปั่นจักรยาน หรือว่ายน้ำตอนเย็น จากนั้นกลับบ้าน อาบน้ำ ทานข้าวเย็น พูดคุยกัน สอนลูกทำการบ้าน อ่านนิทาน ส่งลูกเข้านอน เด็กไม่ควรกลับเกินสามทุ่ม ดึกกว่านั้นส่งผลต่อสมอง สภาพร่างกายและอารมณ์ในวันถัดมา

ท่านใดทดลองนำไปใช้แล้วได้ผลอย่างไร มา comment แบ่งปันกันได้ในช่องด้านล่างนี้ หากมีข้อเสนอแนะก็ได้เข่นกัน ถือว่าแบ่งปันกันครับ

5 itong2go: July 2015 พาตัวเล็กไปช๊อปปิ้งซื้อของเข้าบ้าน ปัญหาที่เราเห็นทุกวันนี้คือ เด็กๆของหลายๆบ้านมีอาการติดหน้าจอ ทั้งจอทีวี จอมือถือ จอแทบเล็ต โดยเฉพาะส...

Terminator Genisys - คนเหล็กภาคนี้มีดีที่นางเอก [5/10]

Terminator Genisys [2015]
Terminator Genisys เป็นภาคที่ 5 แล้วสำหรับคุณปู่คนเหล็กอาร์โนล ชวาเซนเนกเกอร์ คือถึงขนาดที่ในหนังยังแซวว่าเป็นคนเหล็กที่แก่มาก นับถึงปีนี้คนเหล็กของเราเกินคำว่าลุงไปถึงคำว่าปู่ด้วยวัย 67 ปี แต่ยังมีไฟมาบู๊ให้หลานๆได้ดูกันอยู่

ค้นหาความหมายของ Genisys ไม่พบในดิกชันนารีใดๆ แต่ไปเจอในพันทิพ เขาบอกว่ามันคือตัวย่อของระบบคอมพิวเตอร์เพื่อกำหนดตัวตนในทางชีวภาพ (แปลถูกมั้ยเนี่ย) General Identification System (computer system for biological identifications) ซึ่งก็เกี่ยวข้องกับในเรื่องนั่นแหละ คือทีมคนเหล็กของเรามีภารกิจที่จะต้องไปทำลายเจ้าระบบนี้ให้ได้

หนังสร้างความสับสนพอสมควรเกี่ยวกับเรื่องการข้ามเวลา (Time Travel) แต่ก็ยังไม่มากเท่าเรื่อง Predestination คือพระเอกย้อนกลับไปก่อนที่เหตุการณ์ร้ายแรงจะเกิดขึ้นเพื่อเปลี่ยนแปลงเหตุการณ์ในอนาคต แต่ก็นั่นแหละ ยังสับสนว่าเจ้าตัวร้ายมันย้อนมาได้ยังไง แต่ถ้าไม่คิดมากก็ดูเพลินๆข้ามไปได้เลย

นางเอกชื่อ Emilia Clarke ส่วนมากผลงานของเธอจะเน้นทางซีรีย์ทีวีมากกว่า เธอเคยมีข่าวว่าเกือบจะได้เล่นหนังสะเทือนวงการอย่าง Fifty Shade of Gray เลยทีเดียว แต่ก็ชวดไป ได้มาเล่นคนเหล็กแทน หนุ่มๆที่แอบลุ้นในเรื่องก็แห้วไปตามระเบียบ

หนังไม่มีอะไรน่าประทับใจพอเก็บมาเล่ามากนัก เว้นแต่ฉากรถเมล์บนสะพานที่วินาศสันตะโรดีแท้ กับอีกฉากที่พระเอกนางเอกต้องแก้ผ้ากอดกันขึ้นไทม์ แมชชีน อันนี้ฟิน นอกนั้นไม่มีอะไรให้จดจำ ถือเป็นภาคต่อของหนังที่แป๊กอีกเรื่องนึงในปีนี้
สรุปคะแนนจากสามค่ายวิจารณ์ชื่อดัง

5 itong2go: July 2015 Terminator Genisys [2015] Terminator Genisys เป็นภาคที่ 5 แล้วสำหรับคุณปู่คนเหล็กอาร์โนล ชวาเซนเนกเกอร์ คือถึงขนาดที่ในหนังยังแซวว่าเป็น...

เมาไม่ขับ กลับตุ๊กตุ๊ก [09/07/2558]

ลมเย็นดีแต่ต้องจับให้มั่นอาจตกรถได้
นานแค่ไหนแล้วที่ไม่ได้นั่งรถตุ๊กตุ๊ก ความรู้สึกสนุกมันวิ่งเข้ามาเลยทีเดียว อารมณ์แบบไม่อยากให้ถึงบ้านเร็วเลย อยากนั่งนานๆ ลมมันเย็น

เรื่องมันเป็นแบบนี้ครับ คือเราไปงานเลี้ยงกับพี่คนนึง เขาขับรถมารับ งานเลี้ยงนั้นเป็นงานไวน์ สาเก เครื่องดื่มทุกชนิดจัดเต็ม พร้อมวงดนตรีสนุกเต้นกันกระจาย ไม่ต้องเดาก็รู้ได้ว่าคนในงานเมาเละ คนที่สภาพดีคือกลับก่อน คนที่อยู่จนงานเลิกคือพวกตัวจริงเท่านั้น

เราไม่ได้อยู่จนเลิก ก็ขอตัวกลับก่อนแล้วพี่คนขับก็มุ่งตรงไปอีกร้านนึงเป็นร้านของเพื่อนกัน ร้านนี้ก็ดนตรีดี มีเต้นโชว์ บรรยากาศสนุกมาก ดูดนตรี จิบเบียร์เย็นๆ สุดยอดมาก และก็ยิ่งเมาหนักกว่าเดิม

ดึกแล้ว ง่วงนอน อยากกลับบ้าน พี่คนขับไม่มีทีท่าว่าจะกลับแต่อย่างใด ประกอบกับความอยากลองหาทางกลับบ้านเองดูบ้าง เลยเดินกลับ ออกจากร้านแถวแฟบบริค เดินมาเรื่อยๆกะว่าจะเจอรถอะไรบ้าง ไม่มีเลย เดินมาจนเกือบถึงชุมแพเนื้อกะทะ ได้ยินเสียงเรียกในเงามืดใต้ต้นไม้ "ตุ๊กมั้ยพี่"

อารามตกใจกับเสียงที่ลอยมา มองไปเพ่งตาดูพบว่าเป็น ตุ๊ก ตุ๊ก หนึ่งคันถ้วน สอบถามราคาพี่เขาจะเอา 150 บาท กับระยะทางแค่นี้เราไม่เห็นด้วยจึงต่อรองเหลือ 100 บาท แกโอเคเราก็โดดขึ้นนั่งเลย ขับมาเรื่อยๆ ลมเย็น สองมือจับราวไว้แน่นกลัวตก ใจพาลคิดไปว่า อยากเจอด่านตำรวจจัง วันนี้เราไม่ได้ขับแถมเราก็เมาด้วย แต่ก็ตามคาดครับ ไม่เจอด่านอะไรใดๆทั้งสิ้น นี่แหละครับวันที่เราพร้อมและเตรียมตัวมาดีมันมักไม่มีอะไร วันที่เราเผลอหรือประมาทนะมันจะมาทันที


สรุป มาถึงบ้านอย่างปลอดภัย เมียรอเปิดประตูด้วย ไม่มีดุ ไม่มีบ่น น่ารักจริงๆ - ฝึกเป็นนิสัยกันนะครับทุกท่าน เมาไม่ขับ ปลอดภัยทั้งกับตัวเองและคนรอบข้าง
ฝนตกปรอยๆ อากาศเย็นสบาย
พยายามทำมือให้นิ่งสุดละ ได้แค่นี้ รถมันเด้งไปมา


5 itong2go: July 2015 ลมเย็นดีแต่ต้องจับให้มั่นอาจตกรถได้ นานแค่ไหนแล้วที่ไม่ได้นั่งรถตุ๊กตุ๊ก ความรู้สึกสนุกมันวิ่งเข้ามาเลยทีเดียว อารมณ์แบบไม่อยากให้ถึงบ้า...

jun jun shop ร้านกาแฟสำหรับบรรดาผู้ปกครอง เส้นสันกำแพงสายเก่า

Chocolate เย็น 45 บาท

มอคค่า 45 บาท

บาริสต้ามือหนึ่ง ร้าน jun jun ทำกาแฟอร่อย ท่าทางขี้อาย
มุมขายของทำมือ สินค้าน่ารัก กิ๊บเก๋ ทำเอง ใส่ใจทุกรายละเอียด
ทางเข้าร้าน ดูไม่เหมือนร้านกาแฟสักเท่าไหร่
ป้ายบอกสรรพคุณหน้าร้าน

ป้ายกองโจร  ไว้ตั้งริมฟุทบาท เก็บได้เวลาปิดร้าน


ร้านนี้พบโดยบังเอิญ เพราะจะแวะหาร้านกาแฟนั่งทำงานสักแป๊ปนึงรอรับลูกเลิกโรงเรียน ลูกเราเรียนโรงเรียนฟ้ากว้าง อยู่ในซอยเรือนแพ1 เส้นสันกำแพงสายเก่า ร้านนี้อยู่ก่อนถึงปากซอยเรือนแพ มีที่จอดรถได้สามคัน ร้านอยู่ซ้ายมือถ้าขับมุ่งหน้าสันกำแพง ป้ายไม่ค่อยเด่น ใกล้ถึงปากซอยให้ชะลอๆหน่อยแล้วเลี้ยวเข้าไปจอดหน้าร้านเลย

จอดรถมองดูหน้าร้านไม่เหมือนร้านขายกาแฟ เหมือนร้านขายของแฮนด์เมดมากกว่า พวกที่ชอบงานฝีมือคงถูกใจเป็นแน่ พวกผู้ชายก็นั่งกินกาแฟไปก็แล้วกัน ราคาขายกาแฟถือว่าถูกหากเทียบกับในห้างหรือร้านระดับเดียวกัน (เรามาค้นพบทีหลังว่าร้านนี้เป็นร้านดังพอสมควรในหมู่ฮิปสเตอร์) ราคาตามป้ายในรูปแรก WIFI เร็วดี (เพราะไม่ค่อยมีคนมาแชร์ 5555) 

บริการดีสองสามีภรรยา (หรือเปล่า) คนผู้หญิงเจอครั้งแรกหน้าตาไม่ค่อยรับแขก ครั้งต่อๆมาพบว่านั่นคือหน้าปกติของเธอ เราเข้ามานั่งยังไม่สั่งอะไรเขาก็เสิร์ฟน้ำเย็นๆให้กินก่อน พักให้หายเหนื่อยแล้วค่อยสั่งกาแฟมากิน แบบนี้ได้ใจคนนะ สอบผ่านเรื่องบริการทุกระดับประทับใจ นอกจากกาแฟก็ยังมีคัพเค้กด้วย เราไม่เคยกิน มันช่างผู้หญิงๆมากเลย กุ๊บกิ๊บ เก๋ๆแบบแนวๆ

คนที่อยากเปิดร้านกาแฟ ควรมาศึกษาร้านนี้ 

คนที่จะไปรับลูกควรดูนาฬิกา มันเลยเวลาแล้วเฮ้ย ไปๆๆๆๆรับลูก เก็บเงินครับพี่
5 itong2go: July 2015 Chocolate เย็น 45 บาท มอคค่า 45 บาท บาริสต้ามือหนึ่ง ร้าน jun jun ทำกาแฟอร่อย ท่าทางขี้อาย มุมขายของทำมือ สินค้าน่ารัก กิ...

รีวิวอินเตอร์เน็ตใหม่ล่าสุด AIS Fibre ใช้ในออฟฟิศที่เชียงใหม่

แพ็คเกจ 15/5 MB ทดสอบความเร็วด้วย http://www.speedtest.net
ใช้แพ็คเกจเล็กสุด 590 บาท/เดือน เออ ในนั้นบอกว่าสำหรับคอนโดนี่นา ทำไมลากมาบ้านเราได้
ได้มีโอกาสลองใช้เน็ตเจ้าใหม่เอี่ยมของตลาด นั่นคือ AIS Fibre (ไม่เข้าใจว่าทำไมต้อง Fibre ไม่ใช้ Fiber) ก่อนหน้านี้สมัยอยู่บ้านที่สันกำแพงเคยใช้ของเจ้านี้มาแล้วคือ AIS Airnet (ไม่แน่ใจว่ายังมีบริการอยู่มั้ยแต่หน้าเว็บยังมีอยู่) ตอนนั้นก็ไม่ค่อยประทับใจเท่าไหร่เพราะสัญญาณมันมาตามอากาศ ถ้าวันไหนฝนตก แดดแรงจัด มันออกอาการแปรปรวน รู้สึกว่าใช้แบบลากสายจะดีกว่า

พอย้ายมาอยู่บ้านในเมือง (ย่านช้างเผือก ถนนโชตนา แถวสนามกอล์ฟลานนา) ก็มาใช้เน็ตเดิมของ 3BB ซึ่งก็เป็นแบบ ADSL รุ่นเก่าคือปล่อยสัญญาณมาตามสายโทรศัพท์ รู้สึกว่ามันก็เร็วอยู่ แต่พอใช้หลายๆคนเพราะที่บ้านเป็นออฟฟิศด้วยก็รู้สึกจะไม่ค่อยไหว แถมอัพโหลดสปีดก็ต่ำมาก แต่ก็ไม่เลวร้ายอะไร ปัญหาที่พบส่วนมากเกิดจาก Router มากกว่า เพราะของที่แถมมามักจะร้อนง่าย ทำให้แฮงค์ ต้องคอยปิดรีสตาร์ตบ่อยๆเวลาใช้งานหนักติดกันนานๆ ใครเจอปัญหานี้แนะนำให้ลองลงทุน Router ที่ดีสักหน่อย ชีวิตดีขึ้นทันที

คราวนี้ออฟฟิศเราต้องขยายออกด้วยการไปอยู่บ้านข้างๆ (บ้านติดกันเลย) เราลองแชร์สัญญาณจากบ้านเดิมไปออฟฟิศ พบว่ามันอ่อนแรงมาก เลยคิดติดเน็ตอีกเส้นเพื่อใช้งานเป็นหลัก โดยเอาเน็ตของที่บ้านไว้เป็นเส้นสำรอง เวลาที่เส้นไหนเกิดดาวน์ขึ้นมาจะได้ใช้แทนกันได้ โดยมีเงื่อนไขคือ

- ต้องไม่เป็นของบริษัทเดียวกัน เพราะเวลาเน็ตล่มจะต้องไม่ล่มทั้งคู่
- ไม่เอาแบบไร้สาย Airnet อะไรพวกนั้นอีกแล้ว
- ถ้าได้แบบลากสาย Fibre จะดีมาก เคยได้ยินคนบอกว่าสัญญาณดี เสถียร
- ค่าใช้จ่ายต่อเดือนไม่เกิน 1000 บาท
- ฟรีอุปกรณ์ติดตั้งทั้งหมด

ด้วยเงื่อนไขที่ว่ามา AIS Fibre เข้าวินทั้งหมด ติดอยู่อย่างเดียวตรงที่สายเมนเขาลากมาไม่ผ่านบ้านเรา ต้องลากพิเศษเข้าซอยมาอีกเป็นร้อยเมตร คือต้องเสียค่าลากสายเพิ่มอีกสองพันกว่าบาท โอเค เรายอมจ่าย อยากลองใช้ รีบมาติดซะที รอประมาณสองอาทิตย์เขาก็มาติดตั้งให้ ใช้ทีมงาน Outsource ของ Si-Net ที่เชียงใหม่ มาพร้อม Router และอุปกรณ์ทุกอย่าง เซ็ตอัพให้เรียบร้อยใช้งานได้เลย

สรุป
เน็ตใช้งานได้ดี เร็ว เต็มสปีดตามภาพที่เห็นข้างบน แต่ที่น่าห่วงคงจะเป็น Router ที่ปล่อยสัญญาณ มันตัวเล็กยังไงชอบกล น่ากลัวจะทนทานการใช้งานอย่างหนักหน่วงของพวกเราได้ไม่นาน ถึงเวลานั้นอาจต้องเปลี่ยนไปใช้ Router ที่แข็งแกร่งกว่านี้เป็นแน่แท้
5 itong2go: July 2015 แพ็คเกจ 15/5 MB ทดสอบความเร็วด้วย http://www.speedtest.net ใช้แพ็คเกจเล็กสุด 590 บาท/เดือน เออ ในนั้นบอกว่าสำหรับคอนโดนี่นา ทำไมลากมาบ...

MINIONS [2015] - เหล่าแก๊งค์ตัวเหลืองจอมป่วงชวนง่วงอยู่หลายฉาก [6/10]

MINIONS [2015]
เจ้าตัวเหลืองพูดไม่เป็นคำ ทำอะไรเพี้ยนๆป่วงๆ มีให้เห็นมาตั้งแต่ Despicable Me ภาคแรก ลามมาถึงภาคสอง โด่งดังมากจนมีหนังของตัวเองในปีนี้ โดยเฉพาะกับสามสหาย สจ๊วต, เควินและคิงบ๊อบ

ก่อนเข้าโรงก็ทำใจหน่อยๆละว่านี่มันหนังเด็ก อาจมีเสียงเด็กถามนั่นนี่เป็นเรื่องธรรมดา ถ้าลูกเราไปดูก็ถามเหมือนกัน ปรากฎว่าในโรงเงียบเกินคาด ทั้งที่เป็นรอบสื่อและเซเลบที่พาลูกมาดูหลายครอบครัว นับเป็นเรื่องน่าประหลาดใจ

หนังก็เรื่อยๆ คือสนุกแบบเรื่อยๆ หัวเราะแบบหึๆไปได้เรื่อยๆ มีบางมุขที่โดนแบบขำก็มีบ้างสองสามครั้ง ส่วนมากเป็นมุขล้อเลียนคนอเมริกันกับคนอังกฤษ คนไทยเราไม่ค่อยเก็ตกันเท่าไหร่

หนังไม่ยาวมาก แต่ก็แอบคิดอยู่สองสามครั้งว่าใกล้จะจบหรือยัง บางครั้งบทมันก็ออกนอกเรื่องราวไปเสียจนเราไม่อินและคิดว่าอยากกลับบ้านแล้ว แต่พอนั่งดูไปอีกหน่อยก็เออสนุกดี อะไรแบบนี้

หนังไม่ได้เลวร้าย แต่ด้วยความคาดหวังที่มีมากต่อเจ้าตัวเหลือง ทำให้อดคิดไม่ได้ว่าค่าย Illumination น่าจะทำได้มาตรฐานสูงกว่านี้สักหน่อยหนึ่ง สำหรับเด็กๆแล้วเรื่องนี้น่าจะเหมาะกับเด็กโตพอสมควร หนังไม่ได้ใสซื่อโลกสวยแบบเด็กเล็ก

หมายเหตุ - ตัวอย่างหนัง The Secret Life of Pets จากค่ายเดียวกันนี้ทำได้น่าดูมากๆ
Minions (2015)

5 itong2go: July 2015 MINIONS [2015] เจ้าตัวเหลืองพูดไม่เป็นคำ ทำอะไรเพี้ยนๆป่วงๆ มีให้เห็นมาตั้งแต่ Despicable Me ภาคแรก ลามมาถึงภาคสอง โด่งดังมากจนมีหนังของ...

ปิดหนี้ละครับ ผูกพันยาวนานสิบสองปีวันนี้พี่ขอลาขาด

ดูในวงกลมครับ ยอดค้างชำระเหลือศูนย์บาท
ปิดฉากมหากาพย์อันยาวนานกับกองทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) ที่เราได้กู้มาเพื่อเป็นทุนทรัพย์ในการเรียนเมื่อสมัยปวช. และปริญญาตรี ยอดหนี้ของเราไม่มากเท่าไหร่ น่าจะแสนกว่าบาทเกือบแต่ไม่ถึงสองแสน

ทุกๆปี ก่อนวันที่ 5 กรกฎาคม คือวันครบกำหนดที่จะต้องไปจ่ายหนี้ กยศ. (ในกรณีที่เลือกจ่ายเป็นรายปี) หากเลือกจ่ายเป็นรายเดือนก็ไม่ต้องไป ทีนี้ทุกๆปี มันจะพอดีกับช่วงต้นเดือนที่เรามักจ่ายหนี้สินต่างๆตามปกติไปแล้ว หนี้อันนี้คือหนี้ก้อนพิเศษที่เราต้องเตรียมไว้โดยเฉพาะ และแน่นอนเราเตรียมไว้ทุกปี

รู้สึกดีที่ได้ปิดหนี้ไปอีกอย่าง (หนี้ก่อนหน้านี้คือที่ขายบ้านไปได้ และที่ปิดรถไปได้) กยศ. คือหนี้ที่จัดการปิดไปก้อนล่าสุด ตอนนี้ก็นั่งคิดว่า เราเหลือหนี้อะไรอีกบ้าง

ช่วงชีวิตที่ยังหนุ่ม เราวิ่งหาการเป็นหนี้ เราอยากมีเครดิต เราอยากได้นั่นได้นี่เร็วๆ พออายุมากขึ้นมาอีก เรากลับคิดว่า การไม่เป็นหนี้เลยคือดีที่สุด การมีของน้อยชิ้นแต่ใช้ประโยชน์ได้หลายอย่าง ดีกว่ามีของมากมายแต่ไร้ประโยชน์ การถือเงินสดดีกว่าการแบกหนี้เป็นไหนๆ

ถ้าไม่จำเป็นจริงๆ เราจะไม่ก่อหนี้อย่างเด็ดขาด (แต่เราก็ใช้บัตรเครดิตนะ ในวงเงินที่สามารถจ่ายได้ทั้งหมดโดยไม่จ่ายขั้นต่ำ) การเป็นหนี้มันไม่ต่างจากการเป็นทาส เราเคยต้องทำงานอย่างหนัก ทั้งเครียดด้วย งานก็ไม่ค่อยจะดีเพราะกังวลเรื่องหนี้สิน เพื่อจ่ายค่าผ่อนบ้านราคาแพงโดยมากกว่า 80% ของเงินที่จ่ายไปเป็นดอกเบี้ยทั้งหมด เงินต้นลดลงน้อยมาก นั่นคือคุณแทบจะเป็นทาสขายแรงกายแรงใจให้กับเจ้าหนี้ไปตลอดชีวิต

ไปธนาคารต้องไปฝากเงิน ไปถอนเงินครับ ไม่ใช่ไปกู้เงิน ทำได้แบบนี้ชีวิตจะดี เชื่อพี่เถอะ

ปล. พี่ๆน้องๆเพื่อนๆ ที่ยังไม่ได้จ่ายหนี้ กยศ. สรุปคือ ไม่มีการยกหนี้ให้อย่างที่ลือๆกันเองในหมู่พวกท่าน ให้รีบไปติดต่อธนาคารนะครับ โดนฟ้องมาจะเสียค่าใช้จ่ายอื่นตามมาอีกมาก ไม่คุ้มค่าเลย แถมเสียประวัติอีก จ่ายน้อยก็ยังดีกว่าไม่ได้จ่าย สู้ๆครับทุกท่าน
บรรยากาศวันไปจ่ายเงิน คนเยอะมาก แบงค์กรุงไทย สาขากาดรวมโชค
5 itong2go: July 2015 ดูในวงกลมครับ ยอดค้างชำระเหลือศูนย์บาท ปิดฉากมหากาพย์อันยาวนานกับกองทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) ที่เราได้กู้มาเพื่อเป็นทุนทรัพย์ในการเ...

เช้าวันอาทิตย์กับของกินอร่อยๆที่กาดอาหารปลอดภัย จริงใจมาร์เก็ต

ขนมจีนซาวน้ำ รสมือแม่ - Mom's Recipes ของอร่อยหากินยาก
ทุกเช้าวันอาทิตย์ ผมและครอบครัวมีกิจกรรมไปโบสถ์กันที่โรงแรมแถวช้างคลาน ช่วงเช้าประมาณ 09.30 น. เราจะแวะกันที่ตลาดอาหารปลอดภัย โครงการจริงใจ มาร์เก็ต เลยท่าช้างไปนิดเดียว เลี้ยวซ้ายเข้าไปเลย คนมาซื้อของกันเยอะคึกคัก

ตลาดนี้มีทั้งอาหารสำเร็จรูป อาหารสด อาหารแห้ง พืช ผัก ผลไม้ ชา กาแฟ ทุกอย่างดูเป็นของสะอาดสะอ้านปลอดภัย คาดว่าโครงการเขาคงคัดเลือกมาแล้วระดับหนึ่ง ที่ติดใจมากกินมาสามอาทิตย์ติดกันแล้วคือ ขนมจีน ร้านรสมือแม่ ราคาชุดละ 35 บาท กับขนมจีบร้านคุณลุง ชุดละ 25 บาท ลูกชายกินทีละสองชุดไม่เคยพอ

ลองแวะไปกันดูครับ ทุกเช้าวันอาทิตย์ ส่วนเช้าวันเสาร์จะเป็นตลาดพืชผักปลอดสารพิษ ใครมีเวลาแวะไปทั้งสองวันเลยไม่เสียหายแต่อย่างใด
ขนมจีบอร่อยดี

ป้ายร้านรสมือแม่ เอากล่องไปเองลดอีก 5 บาท

ก๋วยเตี๋ยวหลอด เห็นแล้วหิวเลย

ขนมจีนน้ำยา รสเข้มข้น มีจานใส่นั่งทานแถวนั้นได้เลย


5 itong2go: July 2015 ขนมจีนซาวน้ำ รสมือแม่ - Mom's Recipes ของอร่อยหากินยาก ทุกเช้าวันอาทิตย์ ผมและครอบครัวมีกิจกรรมไปโบสถ์กันที่โรงแรมแถวช้างคลาน ช่วงเช...

เมื่อถึงเวลาจะต้องแว๊นมันก็ต้องแว๊นละครับท่าน

เปิดใหม่ใส่หมวกกันด้วย ปลอดภัยไว้ก่อน
วันนี้สุดๆครับเปรียบประมาณพระเอกเดอะฟาสต์ภาค8 ไปสองงานติดกันออกบ้านหกโมงกลับถึงบ้านสองทุ่ม นับว่าเร็วที่สุดในชีวิต แน่นอนว่าแว๊นไปตามที่เห็นในภาพ เจ้ต้องใช้รถไปส่งลูกว่ายน้ำ เลยต้องอาศัยรถของลูกน้องมือขวา (บูบี - ส่วนเราเป็นมือซ้ายของเธออีกที และดันถนัดซ้ายทั้งคู่ยังเถียงกันอยู่ว่าอีกคนจะเป็นมือขวาได้ยังไง) ซิ่งเลียบคันคลองไปตลอดเส้นทาง น้องบอกเชื่อละพี่เป็นแซ๊บเก่า (เธอใส่กระโปรงนั่งขวางเบาะขาไปชนกับรถเก๋งหลายครั้งระหว่างแทรกไปตามช่องรถติด)

สรุป
- งานดีทั้งสองงาน
- ขอบคุณพี่แจ้ ที่กรุณาเชิญเราไปร่วมกับทีมสื่อเชียงใหม่พบผู้บริหารร้าน Mo'c Mo'l
- Kyoko ที่นำเข้าเนื้อโกเบมาให้ได้ชิมที่งานริมปิง สุดยอดมาก
- พบเครื่องดื่มใหม่ Umepop เหล้าบ๊วยญี่ปุ่นผสมโซดา ไม่เลวๆ มีขายที่ริมปิงทุกสาขา
- เบียร์ Kirin เข้ากันมากกับเนื้อโกเบ
- ยังไม่ได้ดูหนัง The Steak Revolution แต่อย่างใด
- ขอบคุณเจ้เจี๊ยบ ที่มาส่งบ้าน ตอนแรกคิดว่าจะต้องโบกรถแดงกลับซะแล้ว
- ตามคาดกลับมาบ้านเจ้ยังไม่นอน ลูกๆรอฟังนิทาน แต่เราไม่ไหวละขอติดไว้พรุ่งนี้นะลูก
- ชีวิตนี้ดีมากๆ ขอบคุณทุกคนทุกอย่างที่เข้ามา ราตรีสวัสดิ์
- นอนสิครับ มัวรออะไรกันอยู่
เนื้อโกเบนุ่มมาก อร่อยจริงจัง
5 itong2go: July 2015 เปิดใหม่ใส่หมวกกันด้วย ปลอดภัยไว้ก่อน วันนี้สุดๆครับเปรียบประมาณพระเอกเดอะฟาสต์ภาค8 ไปสองงานติดกันออกบ้านหกโมงกลับถึงบ้านสองทุ่ม นับว่าเ...

[การเลี้ยงลูก] เมื่อวันที่เรายกทีวีออกจากบ้าน

ลูกสาวนั่งหัดเล่น หัดใช้เครื่องเย็บผ้า
ลูกชายไม่มีอะไรทำ ก็ถูบ้านไปลูก เอาให้สะอาดเลยนะ
ความเดิม บ้านเราไม่มีทีวี กรุณาอ่าน "เด็กกับทีวี" และ  "5 ปีที่ไม่ดูทีวี มีผลกระทบอะไรบ้าง" ตอนนั้นเขียนเมื่อสักสามปีมาแล้ว หลังจากนั้นปีนึงผมก็ไปซื้อทีวีมาไว้ที่บ้าน ต้องบอกก่อนว่าซื้อแต่ทีวีจริงๆ ไม่ซื้อกล่องดิจิตอล ไม่ซื้อจานดาวเทียม ไม่ซื้อเสาอากาศใดๆทั้งสิ้น ทีวีเครื่องนี้แม่เมียผมถามว่ามีไว้ทำไม ดูอะไรก็ไม่ได้ไม่เหมือนชาวบ้านเขา (แม่เมียผมชอบดูทีวี อาจเป็นสาเหตุที่แกไม่ค่อยมาบ้านเราบ่อยนัก เพราะไม่มีอะไรให้ดู)

แนวความคิดเกี่ยวกับทีวี ความเชื่อผมยังเหมือนเดิมคือ ทีวีไม่เหมาะสำหรับเด็ก โดยเฉพาะ "รายการทีวี" ทั้งหลายรวมถึงโฆษณาต่างๆด้วย ตัวทีวีเองไม่มีอะไรเสียหาย เนื้อหาที่ออกมาจากมันต่างหากที่เราควบคุมไม่ได้ ลองนั่งดูรายการทีวีเวลาไปกินข้าวข้างนอก ก็ไม่เห็นว่ามันจะมีอะไร กี่ปีมาแล้วก็ยังเหมือนเดิม น้ำเน่าโดยเฉพาะทีวีไทย

ซื้อทีวีครั้งแรก แต่ที่ผมซื้อทีวีในเวลานั้น เพราะผมคิดว่าลูกเราก็โตพอสมควร (5 ขวบกับ 7 ขวบ) ได้ดูการ์ตูน (ที่คัดแล้ว) บ้างก็น่าจะโอเค ส่วนนึงอาจเป็นเพราะเราผัวเมียเริ่มเหนื่อยและอยากต้องการเวลามากขึ้น อย่างน้อยสักชั่วโมงครึ่งให้ลูกอยู่นิ่งๆ บ้าง คิดทบทวนแล้วว่าควบคุมได้ เลยไปถอยมาทันทีหนึ่งเครื่อง ทุกวันนี้ยังไม่รู้เลยว่ามันมีขนาดกี่นิ้วกันแน่ 32, 40, 48 ยอมรับว่าเรื่องทีวีเราโง่มาก

เริ่มดูทีวี กำหนดวันดู หนึ่งอาทิตย์ดูได้สองวันคือเย็นวันศุกร์และเสาร์ ครั้งละ 1.30 ชม. คือประมาณหนังการ์ตูนหนึ่งเรื่อง เด็กๆดูจะตื่นเต้นมากกับของเล่นชิ้นใหม่ เริ่มมีการรบเร้าให้โหลดหนังนั่นนี่มาใส่เครื่องไว้

เอาทีวีไว้บนห้องนอน เป็นความคิดที่ผิดมากความคิดนึงเลยทีเดียว เดิมคิดว่านอนๆ ดูไปสักพักเดี๋ยวเด็กก็จะหลับไปเอง ความจริงแล้วไม่ใช่ เด็กยิ่งได้ดูการ์ตูนก็จะยิ่งตื่นเต้น ร้อนรน ไม่ยอมหลับยอมนอน แตกต่างจากการเล่านิทานอย่างสิ้นเชิง อันหลังนี้เด็กจะนิ่งฟังหน้าตาครุ่นคิดใช้จินตนาการ และเข้านอนอย่างสงบเตรียมตัวฝันดี ซึ่งอันนี้ทีวีให้ไม่ได้เลย

ย้ายบ้าน แน่นอนเราก็ย้ายทีวีมาบ้านใหม่ด้วย คราวนี้ตั้งไว้แถวๆที่กินข้าวใกล้ห้องครัว

เสาร์ อาทิตย์ วันหยุดปิดเทอมกับทีวี วันที่เด็กๆไปโรงเรียนไม่มีปัญหา ยกเว้นศุกร์ เสาร์ที่เด็กรบเร้าขอจองแย่งกันดูเรื่องนั้นเรื่องนี้ บางครั้งก็พูดแต่เรื่องทีวี การ์ตูนนั่นนี่ ทำเสียงแปลกๆตามอย่างในทีวี ปัญหาใหญ่มาเกิดตอนปิดเทอม โรงเรียนปิดสองเดือนครึ่ง แน่นอนว่าเด็กๆ ไม่มีอะไรทำ พ่อแม่ก็ต้องทำงานยุ่งทั้งวัน เด็กก็มากวนเพื่อจะได้ให้เราเปิดทีวีให้ หลายๆ ครั้งก็ต้องยอมไปเปิดเพื่อตัดรำคาญเพราะต้องการสมาธิ หลังๆ มาทบทวนดูเฮ้ย นี่มันไม่ใช่ละ นี่มันดูทีวีกันทุกวันเลย วันละหลายชั่วโมง (ส่วนมากดูการ์ตูนที่โหลดมาไว้ กับดูรายการทางยูทูปเช่น ทีวีแชมป์เปี้ยน หรือสารคดีสัตว์ต่างๆ ทุกรายการเป็นภาษาอังกฤษยกเว้นทีวีแชมป์เปี้ยนเป็นภาษาไทย บางครั้งภาษาญี่ปุ่น)

บอกลาทีวี หลังจากคิดทบทวนแล้วว่า "แม้จะให้ดูทีวีน้อยมากแล้ว ก็ยังมีแต่ผลเสียอยู่ดีถ้าเด็กยังไม่พร้อม" ดังนั้นตัดออกไปเลยดีกว่า ถึงยังไงตัวเราเองก็ไม่ดูอยู่แล้ว เอาไว้ในบ้านมีแต่จะทำให้มองเห็นและทำให้เกิดปัญหา ประจวบพอดีได้ย้ายออฟฟิศไปอยู่อีกที่นึงแยกจากตัวบ้าน ก็เลยถือโอกาสเอาทีวีเครื่องดังกล่าวไปไว้ในห้องประชุม เอาไว้ต่อขึ้นจอเวลาประชุมกันเหมือนจอสไลด์ แบบนั้นยังจะได้ประโยชน์มากกว่า ซึ่งลองแล้วก็เป็นประโยชน์มากกว่าจริงๆ

สรุปผลกระทบของทีวี ยังหาข้อดีไม่เจอ หลายคนอาจบอกว่าเพื่อดูข่าว ถามว่าดูข่าวแล้วชีวิตเราดีขึ้นมั้ย ในทีวีมีแต่ข่าวร้ายๆ เราควรจะเริ่มต้นวันใหม่ด้วยข้อมูลข่าวสารพวกนั้นหรือ บางคนอาจบอกว่า เอาไว้ดูว่าโลกเขาไปถึงไหนแล้ว ผมขอเถียงว่านั่นมันโลกในทีวี เป็นโลกที่พวกโปรดิวเซอร์/ผู้กำกับ คนที่ฉลาดสุดๆทั้งหลายเขาตั้งใจทำมาให้คุณดู คุณคิดว่าคุณดูแล้วฉลาดขึ้น แต่ความจริงแล้วคุณเป็นเหยื่อ เป็นทาสการตลาดเพราะดูโฆษณาทุกวันตลอดเวลา เราถึงอยากได้อยากซื้อของนั่นนี่อยู่ตลอด เพราะนักการตลาดกระตุ้นบอกให้เราบริโภคอยู่ตลอดทุกเมื่อเชื่อวัน

สำหรับเด็กยิ่งแล้วใหญ่ เด็กที่ดูทีวีค่อนข้างจะก้าวร้าว เอาแต่ใจ คล้ายจะมีจินตนาการแต่ไม่ใช่ มันคือการเพ้อฝันตามอย่างการ์ตูนที่ดูมา มีแนวโน้มใช้ความรุนแรง ร่างกายไม่ค่อยแข็งแรงเพราะการดูทีวีไม่ต้องเคลื่อนไหวใดๆ สายตาเสียเร็วกว่าปกติ สมองฝ่อเพราะไม่ค่อยได้คิด สรุป ถ้าสงสารลูก สงสารเด็ก รักเด็กอย่างจริงใจ เอาทีวีออกไปจากบ้านเถอะครับ

บทความโดย @itong2go
ปล. กลับมาแถมให้อีกนิดว่า หลังจากที่ยกทีวีออกจากบ้าน ลูกเราก็ไม่ได้เศร้าใจฟูมฟายอะไร มีแต่เราที่คิดไปเองกลัวลูกจะเสียใจ เด็กๆ กลับพูดคุยปรึกษากันว่า หลังจากนี้ไปเราจะเล่นอะไรกันดี ไม่ได้คุยกันว่าเราจะไปดูทีวีที่ไหนกัน!
5 itong2go: July 2015 ลูกสาวนั่งหัดเล่น หัดใช้เครื่องเย็บผ้า ลูกชายไม่มีอะไรทำ ก็ถูบ้านไปลูก เอาให้สะอาดเลยนะ -  ความเดิม  บ้านเราไม่มีทีวี กรุณาอ่าน ...

หลายอย่างที่คุณยังไม่รู้เกี่ยวกับร้าน Wine Connection เซ็นทรัลเฟสติวัล

Wine Connection
หลายคนคงรู้ แต่อีกหลายๆคนคงไม่รู้แถมอาจยังไม่เคยเข้าร้าน Wine Connection เสียเลยด้วยซ้ำ เพราะมันดูเป็นร้านไวน์ มันดูแพง มันเกร็งๆทำตัวไม่ถูก กลัวจะทำเปิ่น สั่งไม่เป็น กลัวอาย กลัวขายหน้า เรารู้เพราะเราเคยเป็นมาก่อน เราจะมาบอกความจริงว่า

- มันเหมือนร้านอาหารทั่วๆไป เพียงแต่เน้นขายไวน์ มีไวน์ให้เลือกเยอะ แต่ไม่ต้องกินไวน์ก็เข้าร้านนี้ได้
- นอกจากไวน์แล้ว เครื่องดื่มอื่นๆยังมีเบียร์นำเข้า เบียร์สด น้ำส้ม น้ำอัดลม ชา กาแฟ
- อาหารเป็นอาหารฝรั่งพวกพิซซ่า พาสต้า ไส้กรอก สเต็ก สลัดอะไรทำนองนั้น ไม่มีอาหารไทย
- ช่วงกลางวันก่อนหกโมงเย็น จะมีโปรโมชั่น พิซซ่าหรือพาสต้า+โค้กหรือน้ำส้ม น้ำอัดลม เพียง 149 บาท
- WIFI ฟรี ที่สาขาเซ็นเฟสรหัส 22446688 เลือกคอนเน็คตัวที่สอง ตัวแรกหลุดบ่อย ไม่ดี
- กลางวันถ้าหาร้านกาแฟนั่งทำงาน ร้านนี้เป็นตัวเลือกที่ดี เข้ามาสั่งกาแฟหนึ่งแก้ว นั่งทำงานสบายๆ
- ราคากาแฟคือ 75-85 บาท ถูกกว่าสตาร์บั๊ค แถมมี WIFI ฟรีด้วย
- ราคายังไม่รวม VAT 7% และ Service Charge 10% นะจ๊ะ คำนวณราคากันด้วย
- อันนี้เฉพาะสาขาเซ็นทรัล เฟสติวัลนะ สาขาอื่นเราไม่ทราบ แต่น่าจะเหมือนๆกัน

บรรยากาศภายในร้าน สาขาเซ็นเฟส
5 itong2go: July 2015 Wine Connection หลายคนคงรู้ แต่อีกหลายๆคนคงไม่รู้แถมอาจยังไม่เคยเข้าร้าน Wine Connection เสียเลยด้วยซ้ำ เพราะมันดูเป็นร้านไวน์ มันดูแพง ...

It Follows - หนังผีเพศสัมพันธ์ฉันอึ๊บเธอ [8/10]

It Follows [2015]
หนังชวนให้อึดอัด ใจเต้น กลัว สะดุ้ง หวาดเสียว ตกใจ แปลกใจ กลัวด้วยหื่นด้วย กลัวผีก็กลัว อยากส่องฉากโป๊ๆก็อยากดู มันรวมความรู้สึกทั้งหมดนี้ในหนังได้ยังไงไม่รู้ เก่งมากๆ

หนังจบแล้ว กลับบ้านแล้ว ตกค่ำมารู้สึกกลัวๆยังไงชอบกล กลัวว่า "มัน" จะโผล่มาจากทางไหนสักทาง

"มัน" ที่ว่าคือแน่นอนว่าเป็นผี แต่จะโผล่มาในรูปของคนที่เรารู้จัก หรือไม่รู้จักก็ตาม มันเคลื่อนที่ด้วยการเดิน ดังนั้นคุณมีโอกาสหนีมันได้แต่มันก็จะตามไปเรื่อยๆ จะมาถึงคุณเมื่อไหร่ไม่รู้ ถ้ามันมาถึงคุณได้ คุณก็ตาย

การทำให้ "มัน" เลิกล่าเราสามารถทำได้โดยการที่เราต้องไปมีเพศสัมพันธ์กับใครสักคน เพื่อส่ง "มัน" ไปให้กับคนๆนั้น จากนั้น "มัน" จะไปล่าคนที่เราไปอึ๊บด้วยแทน ถ้ามันไปฆ่าคนนั้นได้สำเร็จ มันถึงจะมาไล่ล่าเราอีกที

ดังนั้น วิธีหนีให้ไกลจากมันคือ การอึ๊บกับคนให้มากคนเข้าไว้ (ใช่หรือวะ)

แต่ในหนังไม่ได้จบแบบนี้นะ ตอนท้ายนางเอกไปอึ๊บกับคนที่แอบชอบเธอมาตั้งแต่เด็ก (ที่ผ่านมาเธอก็อึ๊บมาหลายคน หลายแบบ) กับคนนี้ "มัน" ไม่ได้ออกมาตามล่าเขา เหมือนหนังจะบอกว่า ถ้าอึ๊บกันแบบมีความรักหรือแบบมีรักแท้ "มัน" จะเว้นไว้ ไม่เอาความ

ถ้า "มัน" มีอยู่จริง จะเหลือมนุษย์ไว้ดำรงเผ่าพันธุ์สักกี่คนกันนะ ฉันสงสัย
5 itong2go: July 2015 It Follows [2015] หนังชวนให้อึดอัด ใจเต้น กลัว สะดุ้ง หวาดเสียว ตกใจ แปลกใจ กลัวด้วยหื่นด้วย กลัวผีก็กลัว อยากส่องฉากโป๊ๆก็อยากดู มันรวม...

Facebook Comments

Recommended Post

เฮียโก บรรยายให้น้องๆมช.ฟังเรื่องการเริ่มต้นธุรกิจทำ content ออนไลน์

 บรรยายผ่าน zoom ครับ ก็จะแห้งๆนิดนึงแต่ก็ได้เนื้อหาอีกแบบนึงอยู่นะ เปิดฟังเองอีกรอบนึงก็สนุกดี พูดตะกุกตะกักไปหน่อย