17-20 มีนาคม 2559
กะทะทอดลูกชิ้นเป็นหลุมอยู่ตรงกลาง อยากกินอะไรจับทอดได้เลย ร้านอยู่ข้างทางหน้าวัดอนันดา |
ทริปนี้ขอขอบคุณสายการบิน Bangkok Airways ที่เชิญสื่อจากเชียงใหม่ร่วมเดินทางท่องเที่ยว โดยบินตรงจากเชียงใหม่ - มัณฑะเลย์ ใช้เวลาบินสองชั่วโมงนิดๆก็ถึงจัดว่าเดินทางสะดวกสบายมาก
ทริปนี้มีไกด์พาเที่ยวหลายจุด รวมๆเมืองมัณฑะเลย์และพุกามยังเหมือนบ้านนอกของไทยอยู่ ข้อดีของเขาคือวัฒนธรรมที่ยังเข้มแข็ง ผู้ชายยังนุ่งโสร่งเคี้ยวหมาก ผู้หญิงนิยมทาทะนาคาที่หน้า เราซื้อกลับมาฝากลูกสาวชอบมากทาแทบทุกวัน บอกว่าทาแล้วเย็นสบายดี
เบียร์พม่ารสชาติดี ราคาไม่ถูกตกขวดละ 80 - 100 บาทแล้วแต่ร้าน อาหารบางอย่างหน้าตาคล้ายอาหารไทย รสชาติไม่จัดจ้านเท่าบ้านเรา ส่วนมากนิยมใช้ถั่วและเครื่องเทศในการประกอบอาหาร
ช่วงที่ไปเจออากาศร้อนจัด ทำให้ทั้งเหนื่อยทั้งเพลียไม่ได้เก็บรายละเอียดอะไรมามากนัก มีเก็บรูปมาบ้างเล็กน้อย ส่วนมากเราจะสนใจวิถีชีวิตผู้คนมากกว่าจุดท่องเที่ยวดังๆ ลองมาดูกันฮะ
**ไกด์บอกว่าใครไปเที่ยวอย่าบอกว่าตัวเองเป็นสื่อหรือเป็นบล็อกเกอร์อะไร เพราะทางการพม่ายังเข้มงวดเรื่องสื่อต่างประเทศ ถ้าพกกล้องไปก็อย่าใช้เลนส์ตัวใหญ่มากนัก มันจะเตะตาเจ้าหน้าที่บ้านเมืองเขา
ช่วงที่ไปเจออากาศร้อนจัด ทำให้ทั้งเหนื่อยทั้งเพลียไม่ได้เก็บรายละเอียดอะไรมามากนัก มีเก็บรูปมาบ้างเล็กน้อย ส่วนมากเราจะสนใจวิถีชีวิตผู้คนมากกว่าจุดท่องเที่ยวดังๆ ลองมาดูกันฮะ
**ไกด์บอกว่าใครไปเที่ยวอย่าบอกว่าตัวเองเป็นสื่อหรือเป็นบล็อกเกอร์อะไร เพราะทางการพม่ายังเข้มงวดเรื่องสื่อต่างประเทศ ถ้าพกกล้องไปก็อย่าใช้เลนส์ตัวใหญ่มากนัก มันจะเตะตาเจ้าหน้าที่บ้านเมืองเขา
อันนี้คือถังดับเพลิง วางอยู่หน้าตลาดสด มีถังตักน้ำพร้อมใช้งาน บรรยากาศในตลาดคล้ายตลาดบ้านเราสมัยก่อน สินค้าก็คล้ายกัน |
ตึกเก่าสไตล์อังกฤษมีให้เห็นเป็นระยะ ตึกนี้อยู่ด้านหน้าตลาด |
ร้านขายหมาก พบเห็นได้ข้างทางทั่วไป มีลักษณะเป็นตู้ๆเคาน์เตอร์ มีหลายแบบหลายรสชาติให้เลือก คนก็นิยมไปซื้อกันตลอด |
ร้านนี้อยู่ข้างทาง ขายอะไรไม่รู้คล้ายยำอะไรสักอย่าง จะสั่งมาลองบ้างก็พูดไม่เป็น พอดีเขาเรียกขึ้นรถแล้วก็เลยอดชิม |
เดินชมความงานเจดีย์ชเวสิกอง คนพม่ากับพระพม่าดูสนิทสนมกันดี ขอพระช่วยถ่ายรูปหมู่ พระก็ตั้งใจหามุมที่ดีที่สุดให้ญาติโยม น่าประทับใจ |
ร้านขายลูกชิ้นทอดสไตล์พม่า |
กล่องรับบริจาคภายในวัดอนันดา *ที่พม่าเวลาเข้าวัดหรือเจดีย์ต่างๆจะต้องถอดรองเท้าทุกครั้ง ไม่ควรใส่รองเท้าที่ใส่ยากถอดยาก |
กระบวยน้ำดื่มฟรีเหมือนบ้านเราสมัยก่อนยังพบเห็นได้หลายแห่งในพม่า ใครหิวน้ำเชิญดื่มได้เลย |
อาหารว่างของชาวพม่า |
แม่ค้าขายผลไม้ตรงสะพานไม้อูเบ็ง |
รถจักรยานขายไอติมตรงศาลาที่พักสะพานไม้อูเบ็ง |
อาหารว่างคือข้าวเกรียบเสิร์ฟพร้อมซอสพริกศรีราชา |
ใครที่กลัวว่าอาหารพม่าจะไม่ถูกปาก การพกน้ำพริกจากเมืองไทยไปเองก็ช่วยได้ไม่น้อย ในภาพคือน้ำพริกน้ำย้อยของดีเมืองแพร่ |
ช่วงที่เราไปอากาศร้อนแบบสุดจะต้านทาน ในภาพคือช่างสีกำลังทาสีรั้วของวัด |
ตู้กดน้ำดื่มฟรีพร้อมแก้วน้ำดื่ม |
เดินไปบนเจดีย์มองลงมาจะเห็นผู้คนมากราบไหว้เจดีย์กันแบบจริงจัง |
ใครหิวน้ำ เชิญที่ซุ้มน้ำดื่มได้เลย |
เดินออกมานอกวัด เจอร้านข้างทางขายอาหาร เข้าไปดูพบว่าคล้ายก่วยเตี๋ยวผสมกับขนมจีน ลองสั่งมาชิมดูดีกว่า ราคาถ้วยละ 15 บาทไทย |
ใส่ไข่ และใส่ถั่วด้วยนะ ก็ถือว่าอร่อยแบบแปลกๆ ถ้วยนี้เรียกว่าอะไรจำไม่ได้แล้ว |
ขากลับมาขึ้นเรือ พบศิปปินกำลังวาดภาพโดยใช้ใบมีดโกนแทนพู่กัน |
จุดชมวิวบน Mandalay Hill คล้ายดอยสุเทพบ้านเรา |
พระสงฆ์ที่พม่าดูมีอิสระในการทำสิ่งต่างๆเหมือนคนปกติ ภาพถ่ายที่วิหารชเวนันดอร์ |
ร้านขายดอกไม้หน้าวัด ดอกไม้สวยงามมาก |
มีบริการให้ทดลองใช้ทานาคา พร้อมวาดลวดลายให้เรียบร้อย ชอบลายไหนบอกได้ |
ที่มาของทานาคาคือ ท่อนไม้เหล่านี้ ขูดเปลือกไม้กับแผ่นหินจะได้ทานาคาเอามาทาหน้า |
ร้านขายผลไม้ดอง ส้มตำ หน้าวัด ดูน่ากินมากแต่กลัวท้องเสียต้องขอบาย ที่นี่ถ้าสั่งใส่ถุงเขาใส่ถุงหิ้วให้จริงๆ คือใช้ถุงหิ้วใส่อาหารเลยไม่มีถุงร้อนเย็นเหมือนบ้านเรา |
อากาศร้อนมากๆเห็นแตงโมแล้วก็อยากกิน |
พบขบวนแห่เณรลูกแก้วระหว่างทาง ดูคนพม่าจริงจังมากเรื่องงานบุญ งานประเพณี |
ได้เวลากลับบ้าน อย่าลืมซื้อของฝาก จัดมาเต็มถุงไม่ถึงหมื่นจ๊าด แพงสุดคือค่าเบียร์ |
อ้าว ยังไม่ได้กลับ ต้องมาขึ้นเรือไปดูหมู่บ้านโบราณที่เมืองอังวะกันก่อน |
ข้ามฟากมาเจอศิลปินกำลังเพ้นท์รูปก่อนเลย ดูตั้งใจกับผลงานมาก |
เมืองนี้หาความเจริญใดๆไม่เจอ ทางยังเป็นหลุมบ่อ ใช้ม้าลากล้อเป็นพาหนะในการเดินทาง ฝุ่นคลุ้งตลอดทางฮะ |
อันนี้ไม่แน่ใจว่าคนขับหรือผู้โดยสาร |
มาชมวัดแห่งหนึ่ง สร้างด้วยไม้ทั้งหลัง ในวัดมีการสอนหนังสือเด็กช่วงปิดเทอม |
สอนหนังสือโดยพระ ถึงได้เรียกว่า พระอาจารย์ |
ถึงบ้านละฮะ ไม่ลืมหิ้วของฝากกลับมาด้วย Myanmar Beer ใครไปพม่าต้องลอง |