กางเต๊นท์นอนดอยปุย |
ใกล้จะหมดหน้าหนาวแล้วก็คิดว่าน่าจะพาลูกไปนอนกางเต๊นท์ซะหน่อย แต่ก็ไม่อยากขับรถไกล ลองหาข้อมูลดูพบว่าบนดอยสุเทพเรานี่แหละมีที่กางเต๊นท์นอนด้วยชื่อว่า ลานกางเต๊นท์ดอยปุย อยู่เลยวัดพระธาตุดอยสุเทพไปประมาณ 6 กม.
การจองเต๊นท์
โทรไปจองเต๊นท์ เจ้าหน้าที่บอกว่ามาได้เลยไม่ต้องจอง ตอนนี้หลังปีใหม่คนน้อยแล้ว แต่ต้องเตรียมอาหารไปเองนะเพราะไม่มีขาย ว่าแล้วก็ไปซื้อหมูมาหมัก ซื้อผักปลาอาหารเตรียมใส่รถไป อ่อ เขามีเตาอั้งโล่ให้เช่าด้วยนะแต่ผมกลัวไม่มีก็เลยเอาไปเอง ออกบ้านประมาณสามโมง (บ้านผมอยู่แถวศาลากลาง) ไปถึงลานกางเต๊นท์ประมาณสี่โมงนิดๆ ถนนดีแต่ทางจะเริ่มแคบหลังจากเลยตำหนักภูพิงค์ไป ให้ขับช้าๆรถสวนกันลำบากต้องแบ่งๆทางกันไป
พอไปถึงก็ไปติดต่อเจ้าหน้าที่ เขาก็จะถามว่านอนเต๊นท์กี่หลัง แล้วก็จะให้ป้ายไปห้อยเต๊นท์ที่เราจะนอน เราก็เดินไปเลือกๆเต๊นท์ที่ว่างแล้วก็ห้อยป้ายจองไว้เป็นอันเรียบร้อย เสร็จแล้วก็ไปขนแผ่นรองนอนตรงที่ทำการมาปู ส่วนหมอนกับผ้าห่มก็มีให้เช่านะแต่ผมเอาไปเอง หลังจากนั้นก็เริ่มตั้งเตาเตรียมอาหาร ผมเดินหาฟืนเผื่อไว้ตอนกลางคืนกลัวว่าจะหนาว
เขาห้ามก่อกองไฟนะครับ แต่ก่อในเตาได้ คือห้ามก่อไฟบนดินนั่นแหละ
หลังจากนี้ก็จะเป็นการบรรยายตามภาพละกันนะครับ ไปกันเลย
นี่แหละครับหน้าตาของลานกางเต๊นท์ คือเขาจะกางไว้รอแล้วเราก็เดินไปเลือกเลยว่าจะนอนเต๊นท์ไหน คนที่เอาเต๊นท์มาเองก็หาที่ว่างๆกางได้เลย |
มีจุดกางเต๊นท์หลายจุด ทั้งข้างบนใกล้สำนักงาน และข้างล่างใกล้ศาลาชมวิว ก็เดินๆเลือกเอาเอง ทำเลดีๆส่วนมากจะโดนฉกไปก่อนแล้ว ถ้าอยากได้ที่ดีๆก็ต้องมาไวๆ |
ค่าเช่าเต๊นท์กับค่าที่ปูนอนไม่แน่ใจว่าเท่าไหร่ ตอนกลับผมจ่ายไปห้าร้อยกว่าบาท เช่าสองเต๊นท์กับที่นอนหกอัน |
หกโมงแล้ว อากาศข้างบนดอยปุยเย็นกว่าข้างล่างเกือบสิบองศา คืนนี้มีหนาวแน่ๆเตรียมตัวไว้เลย |
อย่างที่บอกว่าเขามีไฟฟ้านะ แต่กลางคืนไม่เปิด ส่วนที่เสียบปลั๊กตรงจุดกางเต๊นท์ไม่มีนะ ถ้าจะใช้จริงๆคงต้องไปขอเสียบที่สำนักงาน |
อาหารเตรียมแบบที่ทำง่ายๆไป หมูย่าง ไข่ปิ้ง ต้มแซ่บ ก่อนมาแวะซื้อข้าวเหนียวที่ตลาดสองกิโล ขนมปังเผื่อทำแซนวิชตอนเช้า |
เต๊นท์ข้างๆเขาเอาเต๊นท์มาเองอลังการมาก มีส่วนที่ยื่นออกมากันแดดกันฝนได้ด้วยเหมาะมากๆ สายนอนเต๊นท์ต้องมีไว้สักหลัง อุปกรณ์ครบแบบมืออาชีพมากๆ |
เต๊นท์เช่าของเราหน้าตาแบบนะครับ หนึ่งหลังกว้างอยู่นะนอนได้สามคน ส่วนไฟผมเอามาเอง เป็นหลอดไฟแบบชาร์จอยู่ได้ถึงประมาณเที่ยงคืน หาซื้อได้ในเน็ตทั่วไป |
ฟ้าเริ่มมืดแล้ว ในเมืองเริ่มเปิดไฟกันแล้ว |
ฟ้ามืดสนิทเห็นไฟในเมืองชัดมาก ลูกชายบอกว่าไฟในเมืองทำให้ท้องฟ้าเป็นสีส้ม เออ เด็กมันก็ช่างสังเกตุเนอะ |
ตัดภาพมาตอนเช้าเลยละกัน นี่คือภาพแรกที่มุดหัวออกมาจากเต๊นท์ เวลาประมาณหกโมงกว่าๆยังไม่เจ็ดโมง หนาวมั่กๆ ประมาณ 12 องศา |
อุทยานเขาจะเน้นรณรงค์เรื่องขยะพลาสติก ขยะต่างๆผมแนะนำว่าเอาใส่ถุงกลับลงไปด้วยเลยดีกว่าทิ้งไว้เป็นภาระเจ้าหน้าที่เขา เอาขึ้นมาได้ก็เอาลงไปเองได้ไม่เป็นภาระใครครับ |
ห้องน้ำข้างล่างเต็ม ก็เดินไปเข้าห้องน้ำข้างบนตรงสำนักงานได้ครับ มีห้องน้ำทั้งหมดสามจุด น้ำไหลแรงแถมยังเย็นเจี๊ยบ |
น้ำแข็งยอดหญ้า เห้ย ไม่ใช่ หญ้าแห้งธรรมดาครับ สังเกตุหลายๆเต๊นท์เริ่มตื่นเริ่มขยับตัวกันละ |
พระอาทิตย์เริ่มมาพร้อมอากาศที่เริ่มร้อนขึ้นเรื่อยๆ แนะนำว่าควรสลายตัวก่อนเที่ยงฮะ ไม่งั้นมีเคืองแดดบนดอยร้อนจริงจัง |
อาหารเช้าก็เอาที่เหลือๆเมื่อคืนนี้แหละครับมายำรวมกันใหม่ มาม่าเอยอะไรเอย จัดไปครับให้ได้อารมณ์มานอนเต๊นท์ เตรียมถ่านไปเยอะๆนะครับไม่งั้นตอนเช้าไม่พอ |
กินเสร็จล้างถ้วยชามให้เรียบร้อย ตรงใกล้เต๊นท์ผมมีก๊อกน้ำอยู่ไม่ไกล สะดวกเวลาจะใช้น้ำครับ จุดอื่นๆก็น่าจะมีด้วยเหมือนกัน เก็บขยะใส่ถุงเอากลับลงไปด้วยนะครับ |
จบแล้วครับ สำหรับทริปเร่งด่วนนอนคืนเดียวจบ ถือว่าเป็นการนอนบนดอยที่ใกล้เมืองมาก (น่าจะใกล้เมืองที่สุดละ) เดินทางสะดวกมาก ใช้เวลาเดินทางสั้นมากเพียงหนึ่งชั่วโมงเท่านั้น ขากลับยิ่งเร็วกว่าขามาอีกเพราะลงดอยอย่างเดียวเลย สรุปว่า ถ้ามีวันว่างๆน่ามานอนสักสองคืน ตอนเช้าเดินไปจุดชมวิวด้วยจะดีมาก
สรุปทริปนอนเต๊นท์ดอยปุย : ดีงามพระรามแปด 9/10 ไปเลยจ้า